Public Health and Smart City Solution

สำหรับพื้นที่ห่างไกลในชนบท ระยะทางที่ห่างไกล และปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานที่จำกัด ทำให้ประชาชนในพื้นที่เข้าถึงการรักษาทางการแพทย์ได้ยากขึ้น ส่งผลต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ โดยตรง

เทคโนโลยีดิจิทัลจึงเป็นตัวช่วยที่เข้ามาทำให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาได้สะดวกสบายมากขึ้นโดยไม่ต้องเดินทางไกล เช่น Telemedicine, PHR, และ ระบบข้อมูลสุขภาพกลาง ซึ่งจะช่วยลดช่องว่างระหว่างบริการสาธารณสุขและประชาชนชายขอบโดย

• เปิดโอกาสให้ประชาชนปรึกษาแพทย์จากระยะไกลผ่านอุปกรณ์สื่อสาร

• ให้แพทย์ในโรงพยาบาลอำเภอหรือชุมชนสามารถเข้าถึงข้อมูลการรักษาแบบเรียลไทม์

• สนับสนุนการติดตามผู้ป่วยโรคเรื้อรังโดยไม่ต้องเดินทางไกล

• การนำระบบเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ ทำให้การดูแลสุขภาพในพื้นที่ห่างไกลมีคุณภาพใกล้เคียงกับในเมืองใหญ่ และลดความเหลื่อมล้ำด้านสาธารณสุขอย่างเป็นรูปธรรม

หน่วยงานท้องถิ่นและบุคลากรสาธารณสุขระดับชุมชน เช่น อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) และ องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) มีบทบาทสำคัญในการดูแลสุขภาพประชาชนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล

เทคโนโลยีดิจิทัลต่าง ๆ ที่ทันสมัย ช่วยให้การทำงานของบุคลากรเหล่านี้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในหลายด้าน เช่น

• การเก็บข้อมูลสุขภาพ ผ่านแอปพลิเคชันหรืออุปกรณ์พกพา ทำให้ข้อมูลไม่สูญหายและส่งต่อได้อย่างรวดเร็ว

• การติดตามผู้ป่วยเรื้อรังหรือกลุ่มเสี่ยง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ผ่านระบบที่แจ้งเตือนและวิเคราะห์แนวโน้มสุขภาพ

• การสื่อสารกับโรงพยาบาลระดับอำเภอ/จังหวัด เพื่อปรึกษาแพทย์หรือส่งต่อผู้ป่วยได้ทันเวลา

• การวางแผนสุขภาพชุมชน โดยใช้ข้อมูลรวมจากพื้นที่ในการตัดสินใจเชิงนโยบายร่วมกับ อบจ. และหน่วยงานภาครัฐ

PHR (Personal Health Record) คือระบบบันทึกข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคลที่ประชาชนเข้าถึงและจัดการได้ด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นประวัติการรักษา ผลตรวจจากห้องปฏิบัติการ รายการยา ข้อมูลการแพ้ยา ข้อมูลการฉีดวัคซีน ไปจนถึงข้อมูลสุขภาพจากอุปกรณ์ดิจิทัล เช่น สมาร์ทวอทช์หรือเครื่องวัดความดัน PHR ต่างจากเวชระเบียนโรงพยาบาล (EMR) ตรงที่เจ้าของข้อมูลคือ คนไข้ ไม่จำกัดอยู่ในระบบของโรงพยาบาลใดโรงพยาบาลหนึ่ง

PHR ช่วยให้ประชาชนมีบทบาทในการดูแลสุขภาพของตนเองมากขึ้น โดยแชร์ข้อมูลกับแพทย์ในหน่วยบริการอื่นได้สะดวก ช่วยให้การรักษาต่อเนื่องแม้เปลี่ยนสถานพยาบาล ลดความเสี่ยงจากการใช้ยาผิดพลาดหรือซ้ำซ้อน และส่งเสริมให้เกิดการดูแลเชิงป้องกัน เช่น การติดตามสุขภาพอย่างสม่ำเสมอในผู้ป่วยเรื้อรังหรือผู้สูงอายุ นอกจากนี้ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการสนับสนุนระบบสาธารณสุขที่เน้นผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง (People-Centered Care)

Telemedicine หรือ การแพทย์ทางไกล คือรูปแบบการให้บริการทางการแพทย์ผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น วิดีโอคอล โทรศัพท์ แอปพลิเคชัน หรือระบบออนไลน์ ที่ช่วยให้แพทย์และผู้ป่วยสื่อสารกันได้โดยไม่ต้องเดินทาง ทั้งสองฝ่ายไม่จำเป็นต้องอยู่ในสถานที่เดียวกัน เช่น การปรึกษาแพทย์เบื้องต้น การติดตามอาการหลังการรักษา การให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพ หรือแม้กระทั่งการวินิจฉัยโรคบางประเภท

ประโยชน์ของ Telemedicine มีหลากหลาย เช่น เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล หรือสำหรับกลุ่มประชากรชายขอบ ลดความแออัดในโรงพยาบาลและลดเวลาการเดินทางของผู้ป่วย อีกทั้งยังช่วยติดตามอาการผู้ป่วยโรคเรื้อรังหรือผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่องได้ที่บ้าน สนับสนุนการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันและลดอัตราการกลับเข้ารักษาซ้ำในโรงพยาบาล