top of page

OPD และ IPD คืออะไร? สำคัญอย่างไรต่อระบบสารสนเทศโรงพยาบาล (HIS)

  • MEDcury Team
  • 17 ก.ย.
  • ยาว 3 นาที

อัปเดตเมื่อ 20 ต.ค.

ree

Table of Contents


Key Takeaways


  • OPD (Outpatient Department) คือแผนกผู้ป่วยนอก ที่ให้การรักษาผู้ป่วยแบบไม่ต้องค้างคืน อาจเป็นการตรวจรักษาโรคทั่วไป การทำหัตถการเล็ก ๆ หรือกายภาพบำบัด ส่วน IPD (In-Patient Department) คือแผนกผู้ป่วยใน ให้การรักษาผู้ป่วยที่แพทย์ลงความเห็นว่าต้องติดตามอาการใกล้ชิด


  • แผนก OPD นั้นจะมีอยู่ในสถานพยาบาลตั้งแต่คลินิกไปจนถึงโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ส่วนแผนก IPD จะอยู่ในโรงพยาบาลขนาดกลางถึงใหญ่ ที่มีบริการครบวงจร อุปกรณ์และบุคลากรทางการแพทย์ที่ครบถ้วนมากกว่า โดยระบบสารสนเทศโรงพยาบาล (HIS) ถือเป็นตัวกลางที่ช่วยเชื่อมต่อข้อมูลของสองแผนกให้เชื่อมต่อกันได้อย่างราบรื่น


หากไปโรงพยาบาลหรือเลือกซื้อกรมธรรม์ประกันสุขภาพสักเล่ม หลายคนคงเคยเห็นคำว่า OPD (ผู้ป่วยนอก) หรือ IPD (ผู้ป่วยใน) อยู่บ้าง แต่อาจจะยังไม่รู้ว่าทั้งสองคำนี้ต่างกันอย่างไร โดยเฉพาะในแง่การรักษาในโรงพยาบาล MEDcury จะชวนทำความรู้จักสองคำนี้ให้มากขึ้นว่า OPD และ IPD คืออะไร ทั้งสองแผนกนี้ต่างกันตรงไหนบ้าง


OPD และ IPD ต่างกันอย่างไร?

หัวข้อเปรียบเทียบ

OPD (ผู้ป่วยนอก)

IPD (ผู้ป่วยใน)

ลักษณะ

ผู้ป่วยที่มารับการตรวจรักษา และกลับบ้านได้โดยไม่ต้องนอนโรงพยาบาล

ผู้ป่วยที่ต้องนอนพักรักษาในโรงพยาบาล เพื่อรับการดูแลและเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด

ระยะเวลารักษา

  • รักษาติดต่อกันไม่เกิน 6 ชั่วโมง

  • กลับบ้านได้หลังการรักษา ไม่จำเป็นต้องแอดมิต

  • รักษาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง

  • จำเป็นต้องแอดมิต นอนพักที่โรงพยาบาล ตั้งแต่ 1 วันขึ้นไป 

ประเภทการรักษา

  • การผ่าตัดเล็ก

  • การรักษาทั่วไป 

  • การรักษาฟื้นฟู 

  • การติดตามการรักษา ฯลฯ

  • การผ่าตัดแบบนอนพักฟื้น 

  • การผ่าคลอด

  • การดูแลผู้ป่วยวิกฤต ฯลฯ

ตัวอย่างโรค

  • ไข้หวัดทั่วไป

  • ตรวจสุขภาพ

  • กายภาพบำบัด

  • ผ่าตัดเล็ก เช่น ตัดเล็บขบ, ผ่าซีสต์

  • ปอดอักเสบ

  • โรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน

  • อุบัติเหตุรุนแรง

  • ผ่าตัดใหญ่ เช่น ผ่าตัดหัวใจ ผ่าตัดช่องท้อง

สถานพยาบาลที่รองรับได้

สถานพยาบาลทุกขนาด

สถานพยาบาลขนาดกลาง-ใหญ่

ระบบที่สามารถรองรับได้

  • ระบบ CIS

  • ระบบ CMS

  • โปรแกรมบริหารจัดการคลินิก 

  • ระบบ ERP

  • ระบบ CRM ฯลฯ

  • ระบบ HIS

  • ระบบ HIE

  • ระบบ ERP

  • ระบบ CRM ฯลฯ


จำนวนชั่วโมง ถือเป็นเกณฑ์ในการจำแนกประเภทผู้ป่วยนอก (OPD) และผู้ป่วยใน (IPD) รวมไปถึงรูปแบบการรักษาภายในสถานพยาบาลให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยคำว่า OPD และ IPD ไม่ได้จำกัดการใช้งานอยู่เฉพาะในโรงพยาบาลเท่านั้น แต่ยังนำไปใช้ในบริบทอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกันได้ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจประกันสุขภาพ ธุรกิจยาและเวชภัณฑ์



OPD (Outpatient Department) คืออะไร?

OPD ย่อมาจาก Out Patient Department หรือแผนกผู้ป่วยนอก โดยในบริบทของสถานพยาบาลนั้นสามารถจำแนกผู้ป่วยที่เข้ามารับบริการติดต่อกันไม่เกิน 6 ชั่วโมง และสามารถกลับบ้านได้โดยไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลนั่นเอง

OPD ย่อมาจาก Outpatient Department คือ แผนกผู้ป่วยนอก เป็นคำศัพท์ทางการแพทย์ที่ใช้เรียกผู้ป่วยที่เข้ารับบริการในสถานพยาบาลติดต่อกันไม่เกิน 6 ชั่วโมง หรือเรียกว่าเป็นผู้ป่วยที่กลับบ้านได้โดยไม่จำเป็นต้องแอดมิตที่โรงพยาบาลนั่นเอง


การรักษาแบบ OPD (ผู้ป่วยนอก) ครอบคลุมอะไรบ้าง?

  • การตรวจและวินิจฉัย ไม่ว่าจะเป็นการตรวจรักษาทั่วไป เช่น ตรวจโรคเบื้องต้น รักษาไข้หวัด ให้คำปรึกษาทางการแพทย์ และการตรวจรักษาเฉพาะทาง เช่น ตรวจโรคหัวใจ ตรวจโรคตา ตรวจทางเดินอาหาร

  • การรักษาและติดตามผล การรักษาฟื้นฟู เช่น กายภาพบำบัด การทำแผล การติดตามผลหลังการรักษา รวมถึงการฉีดยาหรือหัตถการเล็ก ๆ ที่รอดูอาการไม่กี่ชั่วโมงก่อนกลับบ้าน

  • การผ่าตัดเล็กและการตรวจเพิ่มเติม การผ่าตัดเล็กที่ไม่ต้องพักฟื้น เช่น ผ่าซีสต์เล็ก ๆ ผ่าตัดเล็บขบ ตัดก้อนเนื้อขนาดเล็ก ไปจนถึงการตรวจทางรังสี เช่น การเอ็กซเรย์ อัลตราซาวนด์


ตัวอย่างการให้บริการแบบ OPD ในสถานพยาบาล

A รู้สึกไม่สบายเพราะมีอาการเจ็บคอและมีน้ำมูก จึงเดินทางไปโรงพยาบาลและลงทะเบียนที่แผนกผู้ป่วยนอก (OPD) แพทย์วินิจฉัยว่า A เป็นไข้หวัดธรรมดา สามารถรับประทานยาและเฝ้าดูอาการที่บ้านได้ A จึงรับยา ชำระเงินและกลับบ้านไปพักผ่อนตามคำแนะนำของแพทย์



IPD (Inpatient Department) คืออะไร?

IPD ย่อมาจาก In Patient Department หรือแผนกผู้ป่วยในโดยในบริบทของสถานพยาบาลนั้นสามารถจำแนกผู้ป่วยที่เข้ามารับบริการติดต่อกันไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง และจำเป็นต้องเข้ารับรักษาหรือการแอดมิต

IPD ย่อมาจาก Inpatient Department คือ แผนกผู้ป่วยใน ใช้จำแนกกลุ่มของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาภายในสถานพยาบาลไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง และจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาแบบค้างคืนที่โรงพยาบาล หรือเรียกว่าการแอดมิต (Admit) โดยการเปลี่ยนสถานะจากผู้ป่วยนอกเป็นผู้ป่วยใน จะขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยและดุลยพินิจของแพทย์ร่วมกัน


การรักษาแบบ IPD (ผู้ป่วยใน) ครอบคลุมอะไรบ้าง?

  • โรคที่ต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด ผู้ป่วยที่เป็นโรคร้ายแรงหรรือมีอาการรุนแรง เช่น ปอดอักเสบ หอบหืดกำเริบ โรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน รวมถึงเป็นผู้ป่วยที่ต้องการการดูแลอย่างต่อเนื่องจากแพทย์และพยาบาลตลอด 24 ชั่วโมง

  • การผ่าตัดใหญ่หรือหัตถการที่ซับซ้อน การผ่าตัดที่มีความเสี่ยงสูง ต้องนอนพักฟื้นในโรงพยาบาลเพื่อติดตามภาวะแทรกซ้อนและดูแลหลังการผ่าตัด เช่น ผ่าตัดหัวใจ ผ่าตัดสมอง ผ่าตัดช่องท้อง

  • การรักษาอาการบาดเจ็บรุนแรง อุบัติเหตุ เช่น กระดูกหักหลายตำแหน่ง เลือดออกภายใน ศีรษะกระแทกรุนแรง ต้องใช้เครื่องมือพิเศษและการดูแลใกล้ชิด

  • ผู้ป่วยเรื้อรังที่มีภาวะแทรกซ้อน ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง มะเร็ง ที่มีอาการแทรกซ้อนรุนแรง จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อรักษาต่อเนื่อง

  • ผู้ป่วยที่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยชีวิต ผู้ป่วยที่ต้องได้รับการฟอกไตหรือให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำตลอดเวลา ไปจนถึงผู้ป่วยที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ


ตัวอย่างการให้บริการแบบ IPD ในสถานพยาบาล

B รู้สึกไม่สบาย เพราะมีไข้สูงและหนาวสั่น ปวดเมื่อยตามตัว จึงเดินทางไปโรงพยาบาลและลงทะเบียนที่แผนกผู้ป่วยนอก (OPD) แพทย์วินิจฉัยว่า B เป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ที่สามารถแพร่เชื้อได้ แพทย์จึงตัดสินใจให้ B แอดมิทและเข้ารับการรักษาตัวในแผนกผู้ป่วยใน (IPD) เพื่อดูอาการอย่างใกล้ชิด



OPD และ IPD พบในสถานพยาบาลแบบใดได้บ้าง?

ประเภทสถานพยาบาล

ลักษณะ

บริการผู้ป่วยนอก (OPD)

บริการผู้ป่วยใน (IPD)

ขนาดเล็ก (คลินิก, รพ.สต.)

เน้นการรักษาผู้ป่วยนอก ไม่รองรับการนอนพักฟื้น มีข้อจำกัดด้านบุคลากรและอุปกรณ์

ให้บริการหลัก เช่น ตรวจโรคทั่วไป เฉพาะทางเบื้องต้น

ไม่มีบริการ IPD

ขนาดกลาง (โรงพยาบาลชุมชน/โรงพยาบาลเอกชน)

รองรับการรักษาที่ซับซ้อนขึ้น ทำหัตถการและผ่าตัดเล็กได้ มีบริการผู้ป่วยในแต่จำนวนจำกัด

ตรวจโรคทั่วไปและเฉพาะทางบางสาขา

รองรับผู้ป่วยในได้ แต่จำนวนเตียงและอุปกรณ์จำกัด

ขนาดใหญ่ (โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลเฉพาะทาง)

ครบวงจร มีแพทย์เฉพาะทางหลายสาขา อุปกรณ์ทันสมัย รองรับผู้ป่วยจำนวนมาก

ครอบคลุมทุกสาขา ทั้งโรคทั่วไปและเฉพาะทาง

ครบวงจร มีห้องพักผู้ป่วยหลายประเภท รวมถึง ICU

สำหรับธุรกิจสถานพยาบาลมักออกแบบการให้บริการ โดยยึด OPD เป็นอันดับแรกเสมอ ตามมาด้วยการให้บริการแบบ IPD ที่มีปัจจัยอื่น ๆ ประกอบการพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นจำนวนห้องตรวจ จำนวนห้องผ่าตัด จำนวนเตียง ฯลฯ เพื่อกำหนดขนาดของสถานพยาบาลให้ตรงกับความต้องการด้านธุรกิจ โดยปัจจุบันสามารถแบ่งรูปแบบการให้บริการของสถานพยาบาลได้เป็น 3 ประเภทหลัก ดังนี้


หน้าตาของระบบ MEDHIS ที่สามารถรองรับรูปแบบการให้บริการภายในสถานพยาบาลตั้งแต่ OPD ถึง IPD ด้วยจุดเด่นของการใช้งานแบบ web-based ที่เป็น responsive design สามารถเข้าถึงได้จากทุกอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต


1. สถานพยาบาลขนาดเล็ก เช่น คลินิก

สถานพยาบาลขนาดเล็กเป็นสถานพยาบาลที่ให้เน้นการให้บริการผู้ป่วยนอก (OPD) โดยสถานพยาบาลประเภทนี้ มักจะเป็นคลินิกตรวจโรคทั่วไป หรือคลินิกเฉพาะทางบางประเภท โดยมักมีข้อจำกัดด้านจำนวนบุคลากร อุปกรณ์ทางการแพทย์ และจำนวนผู้ป่วยที่รองรับต่อวัน ตัวอย่างเช่น


  • คลินิกเวชกรรม

  • คลินิกทันตกรรม

  • คลินิกผิวหนัง

  • คลินิกหูคอจมูก

  • คลินิกสุขภาพจิต

  • โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.)


2. สถานพยาบาลขนาดกลาง

สถานพยาบาลขนาดกลาง เป็นโรงพยาบาลที่รองรับผู้ป่วยได้ทั้งผู้ป่วยนอก (OPD) และผู้ป่วยใน (OPD) โดยทั่วไปมักมีจำนวนเตียงประมาณ 31-90 เตียง ให้บริการตรวจรักษาได้ทั้งโรคทั่วไปและบางสาขาเฉพาะทาง รองรับการผ่าตัดขนาดเล็ก และการพักฟื้นระยะสั้น และมีศักยภาพในการเพิ่มสาขาหรือต่อยอดเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ได้ เช่น


  • โรงพยาบาลชุมชน (Community Hospital) ในอำเภอขนาดกลาง

  • โรงพยาบาลเอกชนระดับกลางในเมืองใหญ่ เช่น โรงพยาบาลบางประกอบธุรกิจทั่วไปที่มี 50–100 เตียง

  • โรงพยาบาลเฉพาะทางขนาดกลาง เช่น โรงพยาบาลทันตกรรม


3. สถานพยาบาลขนาดใหญ่หรือสถานพยาบาลเฉพาะทาง

สถานพยาบาลขนาดใหญ่ เป็นโรงพยาบาลที่ให้มีจำนวนเตียงตั้งแต่ 120 เตียงขึ้นไป มีบริการครบวงจร ทั้งด้วยรูปแบบการให้บริการและแผนกที่มีแพทย์เฉพาะทางหลากหลาย อุปกรณ์การรักษาที่ครบครัน รวมถึงห้องผ่าตัดที่ให้บริการผู้ป่วยได้มากขึ้น และยังรับการส่งต่อผู้ป่วยจากคลินิกหรือโรงพยาบาลอื่น ๆ เข้ามารักษาต่อได้อีกด้วย เช่น


  • โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยหรือโรงเรียนแพทย์

  • โรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่

  • โรงพยาบาลเฉพาะทางระดับประเทศ เช่น สถาบันโรคหัวใจ สถาบันมะเร็ง สถาบันสุขภาพเด็ก


สรุป 3 รูปแบบการให้บริการภายในสถานพยาบาล ไม่ว่าจะเป็น สถานพยาบาลขนาดเล็กหรือ OPD Clinics สถานพยาบาลขนาดกลางและใหญ่ ที่รองรับการให้บริการแบบ IPD เพิ่มเข้ามา

จะเห็นได้ว่า ความครบครันของการให้บริการภายในสถานพยาบาล ที่มีทั้งรูปแบบ OPD และ IPD นับเป็นปัจจัยสำคัญที่สะท้อนถึงศักยภาพและความพร้อมในการให้บริการที่ครอบคลุมตามความต้องการของผู้ป่วยที่หลากหลายมากขึ้น 


อย่างไรก็ตาม รูปแบบการบริการที่ครบครันเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอให้สถานพยาบาลตอบโจทย์การให้บริการในด้านต่าง ๆ ได้อย่างราบรื่น การมีระบบ Workflow ที่เชื่อมโยงแผนกต่าง ๆ ภายในสถานพยาบาลให้ทำงานร่วมกันได้อย่างครบวงจร จึงเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนให้สถานพยาบาลสามารถให้บริการทั้งรูปแบบ OPD/IPD อย่างมีประสิทธิภาพและเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ป่วย



ทำไมระบบสารสนเทศโรงพยาบาลจึงสำคัญต่อแผนก OPD และ IPD?


ปัจจุัยที่ผู้บริหารหรือ ผอ. โรงพยาบาลจำเป็นต้องให้ความสำคัญในการมองหาระบบสารสนเทศโรงพยาบาลสักหนึ่งตัวให้กับสถานพยาบาล คือการคัดเลือกผู้ให้บริการระบบบริหารจัดการสถานพยาบาลที่มีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในระบบสารสนเทศและระบบสารธารณสุข

ข้อมูลการรักษาของผู้ป่วยถือเป็นข้อมูลที่อ่อนไหวมาก รวมถึงผู้ป่วยเองก็คาดหวังว่าจะได้รับบริการที่รวดเร็ว ถูกต้อง และปลอดภัย ดังนั้นโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลจำเป็นต้องมีระบบสารสนเทศโรงพยาบาล (Hospital Information System: HIS) ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยบริหารจัดการข้อมูให้ทำงานได้อย่างราบรื่น


ความสำคัญของระบบสารสนเทศต่อ OPD และ IPD มีอะไรบ้าง?

  • เพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อข้อมูล ข้อมูลผู้ป่วยจากการเข้ารับบริการ OPD (ผู้ป่วยนอก) ส่งต่อไปยัง IPD (ผู้ป่วยใน) ได้ทันที หากผู้ป่วยมีอาการรุนแรงและต้องเข้ารักษาต่อ

  • สนับสนุนการสื่อสารระหว่างแผนก แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเข้าถึงข้อมูลเดียวกันได้ ลดความผิดพลาดจากการสื่อสาร

  • จัดเก็บข้อมูลผู้ป่วยอย่างปลอดภัย ทั้งประวัติการรักษา ผลตรวจทางห้องแล็บ ข้อมูลยา และการวินิจฉัย จะถูกเก็บเป็นฐานข้อมูลกลาง ช่วยให้ตรวจสอบย้อนหลังได้สะดวก

  • ยกระดับประสบการณ์ของผู้ป่วย เมื่อข้อมูลถูกจัดการอย่างเป็นระบบ ผู้ป่วยจะได้รับบริการที่รวดเร็วขึ้น ตั้งแต่การลงทะเบียน OPD ไปจนถึงการรักษา IPD


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับแผนก OPD และ IPD

1. OPD คืออะไร?

OPD (Outpatient Department) หรือแผนกผู้ป่วยนอก เป็นการให้บริการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่ไม่จำเป็นต้องนอนพักฟื้นในโรงพยาบาล ผู้ป่วยสามารถรับการตรวจ รับยา ทำหัตถการเล็ก ๆ หรือเข้ารับการบำบัด แล้วกลับบ้านได้ภายในวันเดียว เช่น การตรวจไข้หวัด การทำแผล การฉีดยา หรือการผ่าตัดเล็กที่ไม่ต้องพักฟื้น

2. IPD คืออะไร?

IPD (Inpatient Department) หรือแผนกผู้ป่วยใน เป็นการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงหรือซับซ้อน จำเป็นต้องนอนพักรักษาที่โรงพยาบาลอย่างน้อย 1 วันขึ้นไป เพื่อให้แพทย์และพยาบาลเฝ้าดูอาการและให้การรักษาอย่างต่อเนื่อง เช่น ผู้ป่วยโรคปอดอักเสบ ผู้ป่วยอุบัติเหตุรุนแรง หรือผู้ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดใหญ่ที่ต้องการการดูแลหลังการผ่าตัด

3. ความแตกต่างระหว่าง OPD และ IPD คืออะไร?

ความแตกต่างหลักของ OPD และ IPD อยู่ที่ความรุนแรงของอาการและระยะเวลาในการรักษา โดย OPD คือแผนกที่ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาติดต่อกันไม่เกิน 6 ชั่วโมง ส่วน IPD เป็นการรักษามากกว่า 6 ชั่วโมง ต้องค้างคืนในโรงพยาบาล เช่น การใช้เครื่องมือแพทย์พิเศษ การให้น้ำเกลือ หรือการดูแลหลังผ่าตัดใหญ่

4. จะรู้ได้อย่างไรว่าอาการต้องรักษาแบบ OPD หรือ IPD?

แพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยและประเมินการรักษาตามอาการ หากเป็นอาการเล็กน้อย เช่น ไข้หวัด ปวดศีรษะ ท้องเสียเล็กน้อย มักจะเข้ารับการรักษาแบบ OPD แต่หากมีอาการรุนแรง เช่น หายใจลำบาก เจ็บหน้าอกเฉียบพลัน หรือเกิดอุบัติเหตุ แพทย์จะพิจารณาให้นอนรักษาที่ IPD เพื่อความปลอดภัย

5. ทำไมต้องมีทั้งประกัน OPD และ IPD?

สำหรับคำว่า OPD และ IPD นั้นจะพบเห็นได้ในประกันสุขภาพด้วย สาเหตุที่มีการแยกประกัน OPD และ IPD เพราะรูปแบบการรักษาและค่าใช้จ่ายแตกต่างกัน โดย OPD มักมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่า เช่น ค่ายาและค่าตรวจทั่วไป แต่ IPD มีค่าใช้จ่ายสูงกว่ามาก เนื่องจากต้องเสียค่าห้องพัก ค่าบริการแพทย์และพยาบาลตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านการผ่าตัดหรืออุปกรณ์พิเศษ


MEDHIS ระบบสารสนเทศโรงพยาบาลจาก MEDcury

ระบบ MEDHIS จาก MEDcury ระบบสารสนเทศโรงพยาบาล รองรับรูปแบบการให้บริการทั้ง OPD และ IPD มั่นใจได้ด้วยประสบการณ์การพัฒนาและให้บริการระบบแก่สถานพยาบาลมากกว่า 30 แห่งในประเทศไทย พร้อมด้วยจำนวนโมดูลที่ครอบคลุมตามมาตรฐานการดำเนินงานแต่ละแผนกในสถานพยาบาล


MEDcury พัฒนาระบบเพื่อธุรกิจ Healthcare ด้วยความเชี่ยวชาญของทีมงานที่คร่ำหวอดในวงการสาธารณสุข และสั่งสมประสบการณ์การติดตั้งระบบโรงพยาบาลให้สถานพยาบาลมายาวนานกว่าทศวรรษ เรามุ่งมั่นที่จะนำพาระบบสาธารณสุขไทยสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการบริหารจัดการข้อมูลด้วยระบบที่ได้มาตรฐานและการเชื่อมต่อระบบการทำงานอย่างครบวงจร


ระบบ MEDHIS ตอบโจทย์ทุกความต้องการของโรงพยาบาล ด้วยจำนวนโมดูลที่รองรับทั้ง OPD และ IPD อย่างครบครัน พร้อมเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนด้านระบบสารสนเทศให้กับโรงพยาบาลเพื่อมุ่งสู่อนาคตของการเป็น Smart Hospital

ด้วยหน้าตาและประสบการณ์การใช้งานภายในระบบที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งานที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่พยาบาล แพทย์ เจ้าหน้าที่แล็บ ผู้ดูแลระบบ ฯลฯ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการบริหารทรัพยากรและการให้บริการผ่านระบบที่เสถียรและมีมาตรฐานความปลอดภัยของข้อมูลผู้ป่วย


ให้การบริหารจัดการข้อมูลภายในสถานพยาบาลราบรื่นแบบไร้รอยต่อ มุ่งสู่ความพร้อมในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างสถานพยาบาลทั้งในประเทศและต่างประเทศในอนาคตอันใกล้ ท่านใดที่สนใจปรึกษาระบบสารสนเทศโรงพยาบาล สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์จากผู้เชี่ยวชาญของ MEDcury ได้ที่



โทรศัพท์ : 02-853-9131 (ในเวลาทำการ 10:00 - 18:00 น. วันจันทร์ - วันศุกร์)

อีเมล : sales@medcury.health


ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MEDcury จากช่องทางอื่น


bottom of page