top of page

แผนกในโรงพยาบาลมีอะไรบ้าง? รวมหน้าที่และการทำงานของแต่ละแผนก

  • MEDcury Team
  • 2 วันที่ผ่านมา
  • ยาว 4 นาที

ทำความรู้จักแผนกในโรงพยาบาลทั้งหมด ตั้งแต่แผนกดูแลผู้ป่วย แผนกเฉพาะทาง ไปจนถึงแผนกวินิจฉัยและสนับสนุนการรักษา


Hospital departments and healthcare staff working in the lobby, illustrating different medical units and workflows in a modern hospital | ภาพแผนกต่าง ๆ ในโรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ที่กำลังทำงาน แสดงขั้นตอนการทำงานและการให้บริการของแต่ละแผนกในโรงพยาบาลสมัยใหม่

Table of Contents



Key Takeaways 


  • แผนกในโรงพยาบาลประกอบด้วยแผนกที่ดูแลผู้ป่วยโดยตรง เช่น แผนกผู้ป่วยนอก (OPD) แผนกผู้ป่วยใน (IPD) รวมถึงการดูแลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉินหรืออุบัติเหตุใน ER และดูแลผู้ป่วยอาการรุนแรงใน ICU ซึ่งแผนกกลุ่มนี้ทำหน้าที่ประเมินอาการ ให้การรักษา และเฝ้าติดตามผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด ถือเป็นหัวใจสำคัญของระบบบริการทางการแพทย์ของโรงพยาบาล


  • นอกจากแผนกที่รักษาโดยตรงแล้ว โรงพยาบาลยังมีแผนกการแพทย์เฉพาะทาง ที่ดูแลผู้ป่วยเฉพาะโรคหรือเฉพาะระบบอวัยวะ เช่น กุมารเวชกรรม สูตินรีเวช จักษุ อายุรกรรม หูคอจมูก และจิตเวช รวมถึงแผนกที่สนับสนุนการวินิจฉัยและดูแลรักษา เช่น รังสี เภสัชกรรม ห้องปฏิบัติการ ศัลยกรรม วิสัญญี และเวชศาสตร์ฟื้นฟู ซึ่งช่วยให้การดูแลรักษาแม่นยำยิ่งขึ้น



โรงพยาบาลประกอบด้วยหลายแผนกที่ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ เพื่อให้การดูแลรักษาผู้ป่วยเป็นไปอย่างครบวงจร ตั้งแต่การตรวจคัดกรอง การวินิจฉัย การรักษา ไปจนถึงการฟื้นฟู ซึ่งแต่ละแผนกล้วนมีบทบาทและความสำคัญต่อคุณภาพการให้บริการทางการแพทย์


MEDcury จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับแผนกในโรงพยาบาล พร้อมทำความเข้าใจหน้าที่ของแผนกต่าง ๆ เพื่อลดความสับสน ทำให้การเข้าใช้บริการที่โรงพยาบาลสะดวกรวดเร็วมากขึ้น



แผนกในโรงพยาบาลมีอะไรบ้าง?

แผนกในโรงพยาบาล

ขอบเขตการทำงาน

แผนกผู้ป่วยนอก (OPD)

การตรวจรักษาแบบไม่ต้องนอนโรงพยาบาล เป็นจุดเริ่มต้นของการประเมินอาการและพบแพทย์

แผนกผู้ป่วยใน (IPD)

ดูแลผู้ป่วยที่ต้องนอนพักรักษา เฝ้าติดตามอาการ 24 ชม. พร้อมดูแลหลังผ่าตัดหรือรักษาโรคที่ต้องดูแลต่อเนื่อง

แผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน (ER)

รับผู้ป่วยฉุกเฉินและอุบัติเหตุ ประเมินอาการเร่งด่วน ให้การรักษาเพื่อช่วยชีวิตทันที

แผนกผู้ป่วยหนัก (ICU)

ดูแลผู้ป่วยอาการรุนแรง ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะทางและการเฝ้าระวังใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง

แผนกกุมารเวชกรรม (Pediatrics)

ดูแลรักษาเด็กตั้งแต่แรกเกิดถึงวัยรุ่น รวมถึงพัฒนาการ วัคซีน และโรคเฉพาะในเด็ก

แผนกสูตินรีเวชกรรม (Obstetrics–Gynecology)

ดูแลการตั้งครรภ์ คลอดบุตร โรคสตรี และสุขภาพระบบสืบพันธุ์หญิง

แผนกจักษุ (Ophthalmology)

ตรวจรักษาโรคตา ผ่าตัดต้อกระจก ภาพพร่ามัว และภาวะผิดปกติของดวงตา

แผนกอายุรกรรม (Internal Medicine)

ดูแลโรคระบบอวัยวะภายใน เช่น หัวใจ ปอด ไต เบาหวาน และโรคเรื้อรังต่าง ๆ

แผนกหู คอ จมูก (ENT)

รักษาโรคเกี่ยวกับการได้ยิน ไซนัส การหายใจ กล่องเสียง และความผิดปกติของศีรษะและคอ

แผนกจิตเวช (Psychiatry)

ดูแลสุขภาพจิต อารมณ์ พฤติกรรม ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล และให้คำปรึกษาทางจิตใจ

แผนกรังสี (Radiology)

ถ่ายภาพทางการแพทย์ เช่น X-ray, CT, MRI เพื่อช่วยวินิจฉัยโรค

แผนกเภสัชกรรม (Pharmaceutical )

จ่ายยา ตรวจสอบใบสั่งยา ให้คำแนะนำการใช้ยา และดูแลคลังยา

แผนกห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ (Laboratory)

ตรวจเลือด ปัสสาวะ ชิ้นเนื้อ และวิเคราะห์ผลเพื่อสนับสนุนการวินิจฉัย

แผนกศัลยกรรม (Surgery)

รักษาด้วยการผ่าตัดทั้งทั่วไปและเฉพาะทาง พร้อมดูแลก่อน–หลังผ่าตัด

แผนกวิสัญญี (Anesthesia)

ให้ยาชา ยาสลบ ควบคุมการระงับความเจ็บปวดและความปลอดภัยระหว่างผ่าตัด

แผนกเวชศาสตร์ฟื้นฟู (Physical Therapy)

ฟื้นฟูความสามารถในการเคลื่อนไหว บำบัดหลังผ่าตัด อุบัติเหตุ หรือโรคเรื้อรัง


1. แผนกที่ดูแลผู้ป่วยโดยตรง

Medical staff treating a patient in the emergency room, showcasing critical care services and hospital emergency response | บุคลากรทางการแพทย์ดูแลผู้ป่วยในห้องฉุกเฉิน สะท้อนการให้บริการดูแลฉุกเฉินและการตอบสนองของโรงพยาบาล

1.1 แผนกผู้ป่วยนอก (OPD)

แผนกผู้ป่วยนอก หรือ Outpatient Department (OPD) เป็นจุดเริ่มต้นของการรับบริการในโรงพยาบาล ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมาที่แผนก OPD เพื่อพบแพทย์ ตรวจวินิจฉัย รับยา และกลับบ้านได้ จึงต้องมีระบบจัดการผู้ป่วยตั้งแต่ลงทะเบียนจนถึงการนัดหมายติดตามผล ทำให้เป็นแผนกที่ต้องทำงานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรองรับจำนวนผู้ป่วยจำนวนมากในแต่ละวัน


  • ลงทะเบียนผู้ป่วยใหม่และผู้ป่วยเก่า พร้อมจัดทำเวชระเบียน

  • คัดกรองอาการเบื้องต้น ตรวจวัดสัญญาณชีพ

  • ให้บริการแพทย์ตรวจรักษาในสาขาต่าง ๆ

  • ส่งต่อผู้ป่วยไปยังแผนก Lab รังสี หรือคลินิกเฉพาะทาง

  • นัดหมายติดตามผล หรือรับยาเพิ่มเติม


1.2 แผนกผู้ป่วยใน (IPD)

แผนกผู้ป่วยใน หรือ Inpatient Department (IPD) เป็นแผนกที่รองรับผู้ป่วยที่ต้องแอดมิดหรือนอนค้างคืนที่โรงพยาบาล หรือติดตามเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เช่น ไข้หวัดใหญ่ ปอดอักเสบ โรงเรื้อรัง การผ่าตัดใหญ่ ไปจนถึงผู้ป่วยที่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยชีวิต เช่น การใช้เครื่องช่วยหายใจ โดยการแอดมิตนั้นจะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ผู้ให้การรักษา ซึ่งผู้ป่วยจะได้พบก่อนที่แผนก OPD


  • ดูแล ติดตามอาการ และพยาบาลผู้ป่วยตลอด 24 ชั่วโมง

  • ติดตามอาการและรายงานแพทย์เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง

  • จัดยาและให้ยาตามแผนการรักษา

  • ประสานงานกับแผนกอื่น เช่น รังสี เภสัชกรรม และกายภาพบำบัด

  • ให้คำแนะนำผู้ป่วยและญาติ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนกลับบ้าน


1.3 แผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน (ER)

แผนก ER เป็นหัวใจสำคัญสำหรับกรณีฉุกเฉินที่ต้องการการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที บุคลากรต้องเตรียมพร้อมตลอดเวลาเพื่อดูแลผู้ป่วยอาการวิกฤต เช่น อุบัติเหตุรุนแรง อาการหัวใจวาย หรือโรคเฉียบพลัน โดยใช้การประเมินแบบ Triage เพื่อจัดลำดับความจำเป็นในการรักษา


  • รับผู้ป่วยอุบัติเหตุและโรคฉุกเฉินทุกชนิดตลอด 24 ชั่วโมง

  • ทำ Triage เพื่อจัดระดับความรุนแรงของอาการ

  • ตรวจวินิจฉัยเบื้องต้นและส่งต่อไป ICU หรือ OR

  • ประสานงานกับทีมศัลยกรรมและแผนกเร่งด่วนอื่น ๆ


เกร็ดน่ารู้: การประเมินแบบ Triage คือกระบวนการคัดแยกผู้ป่วยตามระดับความเร่งด่วน โดยตรวจสอบเบื้องต้น และจัดกลุ่มตามสี เพื่อจัดลำดับการรักษาให้เหมาะสมกับความรุนแรงของอาการ

1.4 แผนกผู้ป่วยหนัก (Intensive Care Unit) หรือ ICU

ICU (Intensive Care Unit)  คือแผนกที่ดูแลผู้ป่วยอาการหนัก ที่ต้องเฝ้าระวังสัญญาณชีพและระบบการทำงานของร่างกายอย่างต่อเนื่อง โดยใช้เครื่องมือขั้นสูง เช่น เครื่องช่วยหายใจ  เครื่องติดตามสัญญาณชีพ ติดตามระดับออกซิเจน และข้อมูลต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการรักษา เพื่อควบคุมและติดตามอาการอย่างละเอียด


  • ดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะวิกฤตหรือเสี่ยงต่อการทรุดหนัก

  • ใช้ระบบเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง

  • ปรับการรักษาแบบทันที เช่น ปรับเครื่องช่วยหายใจหรือยากระตุ้น

  • ประสานงานกับแพทย์เฉพาะทางหลายสาขา

  • ดูแลและป้องกันภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยวิกฤต



2. แผนกการแพทย์เฉพาะทาง

Ophthalmologist performing eye examination with slit-lamp microscope, representing the ophthalmology department and vision care services | จักษุแพทย์ตรวจสายตาด้วยเครื่องสลิตแลมป์ แสดงการทำงานของแผนกจักษุและบริการด้านการดูแลดวงตา

2.1 แผนกกุมารเวชกรรม (Pediatrics Department)

แผนกกุมารเวชกรรม คือแผนกที่ดูแลเด็กตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 15 ปี ครอบคลุมทั้งการดูแลสุขภาพทั่วไป การส่งเสริมพัฒนาการ ไปจนถึงการรักษาโรคเฉพาะทาง โดยแผนกกุมารเวชกรรมจะอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเป็นพิเศษ เพราะเด็กมีระบบร่างกายที่แตกต่างจากผู้ใหญ่ จึงต้องประเมินและดูแลอย่างละเอียด


  • ตรวจรักษาโรคทั่วไปและโรคเฉพาะในเด็ก

  • ฉีดวัคซีนและติดตามพัฒนาการ

  • ประเมินปัญหาการเติบโต ภูมิแพ้ หอบหืด หรือโรคติดเชื้อ

  • ให้คำปรึกษาผู้ปกครองด้านการเลี้ยงดูและสุขภาพเด็ก

  • ประสานการรักษาเด็กที่มีโรคเรื้อรังหรือภาวะซับซ้อน


2.2 แผนกสูตินรีเวชกรรม (Obstetrics & Gynecology Department)

แผนกสูตินรีเวชกรรม ดูแลสุขภาพสตรีตั้งแต่วัยเจริญพันธุ์ ตั้งครรภ์ ไปจนถึงวัยหมดประจำเดือน ให้บริการรับฝากครรภ์ การคลอด การตรวจภายใน รักษาโรคระบบสืบพันธุ์สตรี รวมถึงการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก นอกจากนี้ยังมีบริการรักษาภาวะมีบุตรยากในบางโรงพยาบาลด้วย


  • ตรวจครรภ์ ติดตามสุขภาพแม่และทารก

  • ทำคลอดทั้งแบบธรรมชาติและผ่าตัดคลอด

  • ตรวจรักษาโรคสตรี เช่น ซีสต์ เนื้องอก มะเร็งปากมดลูก

  • ตรวจภาวะมีบุตรยากและให้คำปรึกษา


เกร็ดน่ารู้: คนข้ามเพศสามารถเข้ารับบริการทางสุขภาพที่แผนกสูตินรีเวชกรรมได้หลากหลายด้าน เช่น การรับฮอร์โมนเพื่อยืนยันเพศสภาพอย่างปลอดภัย การผ่าตัดเพื่อยืนยันเพศสภาพ

2.3 แผนกจักษุ (Ophthalmology Department)

แผนกจักษุเป็นแผนกที่ให้บริการตรวจรักษาความผิดปกติของดวงตา ตั้งแต่ภาวะสายตาผิดปกติ อุบัติเหตุที่เกี่ยวกับดวงตา โรคร้ายแรง เช่น ต้อหินหรือจอประสาทตาหลุดลอก ไปจนถึงการผ่าตัดเฉพาะทาง เช่น ผ่าตัดต้อกระจก การยิงเลเซอร์รักษาโรคตา การเลสิก ถือเป็นแผนกที่ต้องใช้ทักษะขั้นสูง เครื่องมือและเทคโนโลยีขั้นสูง


  • ตรวจวินิจฉัยโรคตาและคัดกรองความผิดปกติ

  • ผ่าตัดต้อกระจก เลเซอร์ตา และหัตถการเฉพาะทาง

  • ประเมินสายตาและออกใบสั่งแว่น

  • ติดตามโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวานขึ้นตา

  • ดูแลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน เช่น สิ่งแปลกปลอมเข้าตา


2.4 แผนกอายุรกรรม (Medicine Department)

แผนกอายุรกรรม คือ แผนกที่ดูแลโรคระบบอวัยวะภายในเกือบทั้งหมด ให้การรักษาผู้ป่วยที่มีภาวะซับซ้อนหรือหลายโรคร่วมกัน เช่น หัวใจ ปอด ไต เบาหวาน และโรคติดเชื้อต่าง ๆ แพทย์อายุรกรรมจะต้องวิเคราะห์รายละเอียดจากข้อมูลห้องปฏิบัติการ ผลแล็บและภาพเอกซ์เรย์ โดยแผนกนี้ยังแบ่งเป็นสาขาย่อยได้อีก เช่น อายุรกรรมหัวใจ อายุรกรรมไต อายุรกรรมต่อมไร้ท่อ 


  • ประเมินผู้ป่วยที่มีภาวะแทรกซ้อนหลายระบบ

  • จัดการโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ

  • ประสานการดูแลกับ ICU หรือแผนก IPD ตามอาการ

  • ติดตามผลตรวจเลือดและภาพวินิจฉัยเพื่อวางแผนรักษา


2.5 แผนกหู คอ จมูก (Ear nose and throat Department)

แผนกหู คอ จมูก เป็นแผนกที่ดูแลเรื่องการได้ยิน การหายใจ การพูด ปัญหาด้านโครงสร้างของศีรษะและคอ รวมไปถึงภาวะเวียนศีรษะและการทรงตัว ผู้ป่วยอาจเป็นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ การรักษาครอบคลุมตั้งแต่โรคติดเชื้อเล็กน้อยถึงการผ่าตัดซับซ้อน เช่น ผ่าตัดไซนัส


  • ตรวจรักษาโรคหู เช่น การติดเชื้อ ปัญหาการได้ยินลดลง

  • ดูแลโรคเกี่ยวกับจมูกและไซนัส รวมถึงผ่าตัดไซนัส

  • รักษาโรคคอ กล่องเสียง ภาวะเสียงแหบ

  • ประเมินอาการเวียนศีรษะและโรคเกี่ยวกับการทรงตัว

  • ตรวจวินิจฉัยด้วยกล้องส่องและอุปกรณ์เฉพาะทาง


2.6 แผนกจิตเวช (Psychology Department)

แผนกจิตเวชเป็นแผนกที่ดูแลรักษาปัญหาสุขภาพจิต เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล โรคไบโพลาร์ รวมถึงปัญหาพฤติกรรม การเสพติด และความเครียดเรื้อรัง โดยแพทย์จะให้การรักษาหลายแบบ ทั้งการให้ยา จิตบำบัด ให้คำปรึกษา หรือใช้กิจกรรมบำบัด โดยมีนักจิตบำบัดทำงานร่วมด้วย เพื่อออกแบบการรักษาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละบุคคล


  • ประเมินสภาพจิตใจและวินิจฉัยโรค ให้คำปรึกษาครอบครัวและผู้ดูแล

  • ให้การบำบัดรายบุคคลหรือแบบกลุ่ม

  • ติดตามการใช้ยาและการตอบสนองต่อการรักษา ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ

  • ดูแลปัญหาาทางพฤติกรรม เช่น ปัญหาความสัมพันธ์ ปัญหาก้าวร้าว ปัญหาติดการพนัน



3. แผนกวินิจฉัยและสนับสนุนการรักษา

Radiology technician assisting a patient undergoing MRI scan, representing medical imaging services and diagnostic technology in hospitals | เจ้าหน้าที่รังสีแพทย์ช่วยผู้ป่วยตรวจ MRI แสดงบริการการถ่ายภาพทางการแพทย์และเทคโนโลยีวินิจฉัยในโรงพยาบาล

3.1 แผนกรังสี (Radiology Department)

แผนกรังสีทำหน้าที่ตรวจวินิจฉัยความผิดปกติในร่างกายด้วยเครื่องมือที่แม่นยำสูงและภาพถ่ายรังสี เช่น เอกซเรย์ (X-ray) ซีทีสแกน (CT Scan) เอ็มอาร์ไอ (MRI) และอัลตราซาวด์ (Ultrasound) โดยมีรังสีแพทย์ให้คำปรึกษาด้านการวิเคราะห์ภาพและสื่อสารกับแพทย์เจ้าของไข้


  • ถ่ายภาพวินิจฉัยทุกประเภท เช่น ภาพเอกซเรย์ทั่วไป แมมโมแกรม (Mammography) อัลตราซาวด์ (Ultrasound) ซีทีสแกน (CT Scan) การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)

  • วิเคราะห์ภาพและรายงานผล ประสานงานกับแพทย์เฉพาะทางเพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง

  • ควบคุมการรับรังสีเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย

  • ให้บริการหัตถการภายใต้ภาพนำทาง เช่น CT-guided biopsy


3.2 แผนกเภสัชกรรม (Pharmaceutical Department)

แผนกเภสัชกรรมดูแลด้านยาและเวชภัณฑ์ จัดซื้อ จัดหา จ่ายยาให้กับผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน ไปจนถึงงานบริหารควบคุมการใช้ยาและเวชภัณฑ์ในแผนกต่าง ๆ ของโรงพยาบาล เพื่อรักษามาตรฐานและความปลอดภัยด้านยา ป้องกันความเสี่ยง ลดโอกาสที่ผู้ป่วยจะได้รับยาคลาดเคลื่อน 


  • จ่ายยาให้ผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน และแผนกอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

  • ตรวจสอบความถูกต้องของใบสั่งยา ให้คำแนะนำการใช้ยาและผลข้างเคียง

  • ควบคุมคุณภาพยาและบริหารจัดการคลังยา

  • ติดตามการใช้ยาและเวชภัณฑ์ในโรงพยาบาลและป้องกันความคลาดเคลื่อน


3.3 แผนกห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ (Laboratory Department)

แผนกห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ เป็นแผนกที่ตรวจวิเคราะห์สิ่งส่งตรวจต่าง ๆ เช่น ปัสสาวะ ชิ้นเนื้อ เนื้อเยื่อ เพื่อสนับสนุนการวินิจฉัยโรค ตรวจหาความเสี่ยงโรค และติดตามประเมินผลข้างเคียงจากการรักษา โดยแผนนี้ยังแบ่งออกเป็นหลายสาขา เช่น เคมีคลินิก (Clinical Chemistry) โลหิตวิทยาคลินิก (Clinical Hematology) พิษวิทยาคลินิก (Clinical Toxicology)


  • ตรวจเลือดและสารชีวภาพหลากหลายประเภท เช่น เลือด ปัสสาวะ อุจจาระ สารคัดหลั่ง

  • ตรวจหาการติดเชื้อและโรคเฉพาะทาง วิเคราะห์ผลและรายงานต่อแพทย์

  • ควบคุมคุณภาพเครื่องมือและกระบวนการตรวจ


3.4 แผนกศัลยกรรม (Surgical Department)

แผนกศัลยกรรมดูแลการผ่าตัด ทั้งผ่าตัดเล็กและผ่าตัดใหญ่ รวมถึงโรคที่ต้องใช้การรักษาด้วยการผ่าตัดเป็นหลัก เช่น ไส้ติ่ง เนื้องอก หรืออุบัติเหตุ โดยศัลยแพทย์จะทำงานร่วมกับห้องผ่าตัด ห้องพักฟื้น และแผนกวิสัญญี เพื่อให้การผ่าตัดปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ


  • ตรวจประเมินสภาพผู้ป่วยก่อนการผ่าตัดอย่างละเอียด ก่อนวางแผนการรักษา

  • วางแผนการผ่าตัดร่วมกับแพทย์เฉพาะทาง วิสัญญี พยาบาลห้องผ่าตัด

  • ติดตามอาการหลังผ่าตัดอย่างใกล้ชิด ประเมินอาการปวด อาการแทรกซ้อน

  • ประสานงานกับหอผู้ป่วยหรือ ICU เพื่อเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องและดูแลอย่างเหมาะสม


3.5 แผนกวิสัญญี (Department of Anesthesia)

แผนกวิสัญญีดูแลการให้ยาชา ยาสลบ และควบคุมการระงับความรู้สึกของผู้ป่วยในระหว่างผ่าตัด ทีมวิสัญญีต้องดูแลสัญญาณชีพอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน รวมถึงการดูแลผู้ป่วยหลังผ่าตัดในห้องพักฟื้น และการระงับปวดในกรณีเฉพาะ


  • ประเมินผู้ป่วยก่อนการดมยา ให้ยาชาเฉพาะที่ ยาบล็อกหลัง และยาสลบ

  • เฝ้าติดตามสัญญาณชีพระหว่างผ่าตัด ดูแลผู้ป่วยในห้องพักฟื้น

  • บริหารจัดการอาการปวดหลังผ่าตัดทั้งระยะสั้นและระยะยาว

  • ประสานงานกับศัลยแพทย์และทีม ICU กรณีผู้ป่วยความเสี่ยงสูง


3.6 แผนกเวชศาสตร์ฟื้นฟู (Physical Therapy Department)

แผนกเวชศาสตร์ฟื้นฟู คือ แผนกที่ช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาเคลื่อนไหวร่างกาย และใช้ชีวิตประจำวันได้หลังจากเจ็บป่วย อุบัติเหตุ หรือผ่าตัด โดยอาศัยวิธีการฟื้นฟูหลากหลายแบบ เช่น การทำกายภาพ การใช้เครื่องมือไฟฟ้ากายภาพ โดยการทำกายภาพบำบัดมีบทบาทสำคัญในกลุ่มโรคกระดูกและข้อ ระบบประสาท และผู้ป่วยหลังผ่าตัดใหญ่


  • ประเมินความสามารถด้านการเคลื่อนไหวและจุดอ่อนของผู้ป่วย 

  • จัดโปรแกรมกายภาพแบบรายบุคคลตามโรคและความรุนแรง แนะนำการใช้เครื่องช่วยเดินและอุปกรณ์ช่วยเหลือ

  • ดูแลผู้ป่วยโรคระบบประสาท เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต โรคพาร์กินสัน ฟื้นฟูผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง

  • ดูแลผู้ป่วยหลังผ่าตัด เช่น เปลี่ยนข้อเข่า กระดูกหัก



ทำไมคนไข้ถึงควรรู้จักแผนกในโรงพยาบาล?

Doctors, nurses, and patients interacting in the outpatient department, highlighting hospital registration, consultation, and waiting area services | แพทย์ พยาบาล และผู้ป่วยภายในแผนกผู้ป่วยนอก แสดงการทำงานของจุดลงทะเบียน ตรวจรักษา และพื้นที่รอคอยในโรงพยาบาล

1. ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาได้เร็วขึ้น

เมื่อผู้ป่วยรู้จักแผนกในโรงพยาบาลแล้ว จะช่วยให้เข้ารับบริการได้จุดตั้งแต่แรก ลดเวลาการค้นหาข้อมูลหรือไปผิดแผนก โดยเฉพาะในกรณีฉุกเฉินหรือมีอาการเจ็บป่วยเฉพาะทาง ผู้ป่วยจะไปยังแผนกที่ถูกต้องได้ทันที ทำให้เริ่มต้นการรักษาได้เร็วขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งยังช่วยลดความแออัดในแผนกอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องอีกด้วย


2. ลดความสับสนเมื่อต้องเข้ารับบริการ

ผู้ป่วยหลายคนมักสับสนเมื่อเข้าโรงพยาบาล เพราะไม่รู้ว่าแผนกไหนดูแลเรื่องอะไร การทำความรู้จักแผนกโรงพยาบาลไว้ก่อน จะช่วยให้ผู้ป่วยรู้ลำดับขั้นตอน เช่น ต้องพบแพทย์ก่อนตรวจเลือด หรือจำเป็นต้องไปจุดคัดกรองก่อนเข้าห้องตรวจ 


นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้ป่วยเข้าใจระบบการบริการ เช่น ทำไมบางแผนกต้องนัดล่วงหน้า หรือทำไมบางแผนกต้องใช้ผลตรวจประกอบ จึงทำให้ประสบการณ์การเข้ารับบริการราบรื่นขึ้นและลดความกังวลได้


3. ประสานงานหรือส่งต่อได้ราบรื่นขึ้น

การรักษาในโรงพยาบาลมักเกี่ยวข้องกับหลายแผนก ตั้งแต่การวินิจฉัย การตรวจเพิ่มเติม ไปจนถึงการรักษาเฉพาะทาง หากผู้ป่วยรู้จักหน้าที่ของแต่ละแผนก จะทำให้การประสานงานระหว่างผู้ป่วย–เจ้าหน้าที่เป็นไปแบบไม่ติดขัด และเพิ่มความปลอดภัยของผู้ป่วยในภาพรวม



คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับแผนกในโรงพยาบาล

1.ไม่แน่ใจว่าป่วยเป็นอะไร ควรไปแผนกไหนดี?

หากไม่ทราบว่าอาการป่วยเกี่ยวข้องกับระบบใด ควรเริ่มที่แผนกผู้ป่วยนอก (OPD) หรือจุดคัดกรองเพื่อประเมินอาการก่อน และให้เจ้าหน้าที่ส่งต่อไปยังแผนกที่เหมาะสม หากมีอาการรุนแรง เช่น หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก ชัก หรือเลือดออกมาก ควรไปที่แผนกฉุกเฉิน (ER) ทันที

2. ผู้ป่วยใหม่ต้องทำอย่างไร?

เริ่มจากการลงทะเบียนที่เวชระเบียนเพื่อสร้างข้อมูลผู้ป่วย จากนั้นเข้าสู่การคัดกรองและพบแพทย์ตามอาการ เจ้าหน้าที่จะอำนวยความสะดวกเรื่องการตรวจเพิ่มเติม เช่น แล็บหรือเอกซเรย์ ให้ครบขั้นตอน ก่อนจ่ายยาและทำการรักษา รวมถึงนัดหมายติดตามผลต่อไป

3. แผนกผู้ป่วยนอก (OPD) ต่างจากแผนกผู้ป่วยใน (IPD) อย่างไร?

แผนกผู้ป่วยนอกหรือ OPD คือ แผนกที่ผู้ป่วยเข้ารับการวินิจฉัย รักษา และกลับบ้านได้ ส่วนแผนกผู้ป่วยใน หรือ IPD คือ การรักษาที่ผู้ป่วยต้องนอนที่โรงพยาบาล เพื่อเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด รวมถึงการรักษาที่ซับซ้อน

4. โรงพยาบาลรัฐกับเอกชนมีแผนกต่างกันหรือไม่?

โรงพยาบาลรัฐและโรงพยาบาลเอกชนมักมีแผนกพื้นฐานคล้ายกัน เช่น OPD, IPD, ER, ห้องแล็บ และรังสี แต่จะแตกต่างกันที่ความหลากหลายของแผนกเฉพาะทาง ซึ่งขึ้นอยู่กับขนาด ศักยภาพทางการแพทย์ และความเชี่ยวชาญของแต่ละโรงพยาบาล

5. แผนกเฉพาะทางจำเป็นต้องมีในทุกโรงพยาบาลหรือไม่?

ทุกโรงพยาบาลไม่จำเป็นต้องมีแผนกเฉพาะทาง ขึ้นอยู่กับขนาดและศักยภาพทางการแพทย์ หากโรงพยาบาลใดไม่มีบริการแผนกเฉพาะทาง ก็จะส่งต่อผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญมากกว่า

6. ต้องนัดหมายล่วงหน้าก่อนเข้ารับบริการในโรงพยาบาลหรือไม่?

ไม่ใช่ทุกแผนกที่ต้องนัดล่วงหน้า แต่บางแผนก เช่น รังสีขั้นสูง คลินิกเฉพาะทาง หรือการตรวจพิเศษ มักต้องนัดล่วงหน้าเพื่อบริหารคิว ปัจจุบันหลายโรงพยาบาลรองรับการนัดออนไลน์ผ่านระบบ HIS หรือแอปพลิเคชันของโรงพยาบาล


MEDHIS ระบบโรงพยาบาลพร้อมโมดูลพื้นฐานครบครัน


MEDHIS ระบบสารสนเทศโรงพยาบาล (Hospital Information System – HIS) ที่ออกแบบและพัฒนาโดย MEDcury มาพร้อมโมดูลการทำงานพื้นฐานในโรงพยาบาลที่ครบครัน รองรับการทำงานของโรงพยาบาลทุกขนาด รวมถึงสถานพยาบาลประเภทอื่น ๆ ในธุรกิจเฮลท์แคร์ มาพร้อมคุณสมบัติที่ตอบโจทย์การพัฒนา Smart Hospital ไม่ว่าจะเป็น


  • Full EMR system เชื่อมโยงข้อมูลผู้ป่วยทุกแผนกด้วยระบบเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร เพื่อให้แพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์เข้าถึงข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ ลดการทำงานซ้ำซ้อนและข้อผิดพลาดในการรักษา

  • Web-based & Cloud Native รองรับการทำงานบนระบบ Web-based และ Cloud Native ตอบโจทย์การใช้งานของ Smart Hospital ที่ต้องการความยืดหยุ่น ปลอดภัย และรองรับการเติบโตในอนาคต

  • Web Responsive ออกแบบระบบให้ใช้งานได้จากทุกอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือสมาร์ตโฟน เข้าถึงข้อมูลเวชระเบียนได้สะดวก ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาได้เร็วขึ้น

  • Paperless Transformation เปลี่ยนผ่านสู่โรงพยาบาลไร้กระดาษ (Paperless Hospital) ด้วยระบบจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร ลดการใช้กระดาษ ลดความเสี่ยงจากการจัดเก็บเอกสารแบบเดิม และเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหา แบ่งปัน และส่งต่อข้อมูลภายในโรงพยาบาลอย่างปลอดภัย



สถานพยาบาลหรือธุรกิจเฮลท์แคร์ที่กำลังมองหาระบบ HIS ที่พร้อมรองรับการเติบโตในยุคดิจิทัล และเปิดรับศักยภาพใหม่ ๆ เพื่อยกระดับการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ ทีมผู้เชี่ยวชาญจาก MEDcury ยินดีให้คำปรึกษา ทั้งด้านเทคนิคและการปรับใช้ระบบให้เข้ากับบริบทของสถานพยาบาล ติดต่อเราเพื่อพูดคุยกับทีมของเราได้โดยตรงที่



โทรศัพท์ : 02-853-9131 (ในเวลาทำการ 10:00 - 18:00 น. วันจันทร์ - วันศุกร์)

อีเมล: sales@medcury.health 


ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MEDcury จากช่องทางอื่น


bottom of page