เทรนด์ Digital Health 2026 มีเทคโนโลยีอะไรบ้างที่น่าติดตาม
- Marketing Team
- 18 พ.ย.
- ยาว 3 นาที
อัปเดตเมื่อ 26 พ.ย.
ติดตามเทรนด์ Digital Health ที่อาจเกิดขึ้นในปี 2026 ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาการวินิจฉัยโรคด้วย AI และนวัตกรรมอื่น ๆ มายกระดับวงการเฮลท์แครขึ้นอีกขั้น

Table of Contents
Key Takeaways
เทรนด์ Digital Health ที่อาจพัฒนายิ่งขึ้นในปี 2026 มีตั้งแต่การนำ Generative AI มาใช้พัฒนายา รูปแบบการรักษา ไปจนถึงจำลองข้อมูลผู้ป่วย และการใช้งานด้านพันธุกรรม นอกจากนี้ยังมีการปรับใช้หุ่นยนต์และเทคโนโลยีเสมือน เพื่อยกระดับการให้บริการสาธารณสุขอีกด้วย
Digital Health สำคัญอย่างยิ่งต่อระบบสาธารณสุข เพราะช่วยยกระดับประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากร ลดความซ้ำซ้อนของข้อมูล และเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจทางการแพทย์ อีกทั้งยังสร้างการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างโรงพยาบาลและหน่วยบริการต่าง ๆ ให้ทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ
ปี 2026 กำลังจะเป็นก้าวใหม่ Digital Health เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาอย่างรวดเร็ว เดินหน้าเปลี่ยนวิธีการดูแลสุขภาพอย่างก้าวกระโดด ตั้งแต่ AI อัจฉริยะที่ช่วยวินิจฉัยโรคได้เร็วขึ้น ไปจนถึงโรงพยาบาลเสมือน และหุ่นยนต์ทางการแพทย์ ใครที่อยากรู้ว่าเทคโนโลยีไหนจะเข้ามาพัฒนาด้านเฮลท์แคร์ขึ้นอีกระดับ MEDcury จะพาไปสำรวจทุกนวัตกรรมที่ไม่ควรพลาด
Digital Health คืออะไร?

Digital Health คือ การนำเทคโนโลยีสารสนเทศ และเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้งานในด้านการแพทย์ ช่วยยกระดับการรักษาโรค ดูแลสุขภาพ ยกระดับศักยภาพด้านสาธารณสุขให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาได้เร็วขึ้น ลดภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์ โดยองค์ประกอบหลักของ Digital Health ตามยุทธศาสตร์สุขภาพดิจิทัล กระทรวงสาธารณสุข ได้แก่
eHealth การใช้ระบบดิจิทัลและข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อสนับสนุนบริการสุขภาพ
mHealth การใช้สมาร์ตโฟนและอุปกรณ์พกพาเพื่อติดตามและดูแลสุขภาพ
Telemedicine หรือ Telehealth การให้บริการแพทย์และให้คำปรึกษาทางไกลผ่านระบบการแพทย์ทางไกล
Artificial Intelligence (AI) การใช้ปัญญาประดิษฐ์ช่วยวินิจฉัย วิเคราะห์ และตัดสินใจด้านการแพทย์
Big Data Analytics การวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพจำนวนมาก เพื่อคาดการณ์โรคล่วงหน้า และเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลรักษาผู้ป่วย
IoT & Wearables อุปกรณ์สวมใส่และเซ็นเซอร์ที่เชื่อมต่อกัน เพื่อเก็บข้อมูลสุขภาพแบบเรียลไทม์และต่อเนื่อง
Robotics & Automation การใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติช่วยผ่าตัด ดูแล และสนับสนุนงานโรงพยาบาล
Genomics & Advanced Computing การประมวลผลข้อมูลขั้นสูงและประมวลข้อมูลพันธุกรรม เพื่อการรักษาเฉพาะบุคคล
Digital Platforms & Interoperability แพลตฟอร์มหรือระบบ และมาตรฐานข้อมูลที่เชื่อมโยงระบบสุขภาพให้ทำงานร่วมกันได้
Governance & Data Security การกำกับดูแล มาตรฐานข้อมูล และความปลอดภัยเพื่อปกป้องข้อมูลสุขภาพ
8 เทรนด์ Digital Health 2026 มีอะไรที่น่าติดตามบ้าง?
1. Generative AI ช่วยเรื่องการวิจัยยาใหม่

ในปี 2025 Generative AI สร้างความก้าวหน้าทางการแพทย์หลายด้าน รวมถึงเป็นตัวช่วยพัฒนายาและวิธีรักษาโรคใหม่ ๆ เข้าสู่ระยะทดลองทางคลินิก หลังจากทดสอบเบื้องต้นแล้ว (Proof of concept)
คาดว่าปี 2026 นักวิจัยจะใช้ Generative AI เป็นตัวช่วยกันมากขึ้น เพื่อวิเคราะห์การใช้ยา จำลองปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นต่อร่างกายมนุษย์ และออกแบบการรักษาที่ผู้ป่วยเข้าถึงได้ในราคาที่เหมาะสม
2. AI Agents ด้านสาธารณสุข
AI Agents เป็นการพัฒนา AI ให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำงานที่ซับซ้อนได้ และยังสามารถโต้ตอบกับผู้ใช้งานได้อีกด้วย ในปี 2026 AI Agents จึงอาจพบเห็นในวงการสาธารณสุขหรือธุรกิจเฮลท์แคร์มากขึ้น
โดยทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยจัดการกระบวนการรักตลอดการเข้ารับบริการ ตั้งแต่การคัดกรอง การนัดหมาย การวิเคราะห์ผลการตรวจ แจ้งเตือนเมื่อพบความผิดปกติ ไปจนถึงติดตามดูแลผลการรักษา ช่วยสนับสนุนการดูแลสุขภาพเชิงรุกมากยิ่งขึ้น
ข้อควรรู้: AI Agents คือ โปรแกรมซอฟต์แวร์หรือระบบปัญญาประดิษฐ์ ที่ทำงานหรือตัดสินใจได้แทนมนุษย์ โดย AI Agents จะวิเคราะห์ข้อมูล ประมวลผล ติดสินใจ หรือตอบสนองต่อสถานการณ์ได้ ตามกฎที่วางไว้ เช่น AI Chatbot, Machine Learning รวมไปถึงระบบวิเคราะห์ข้อความหรือการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP)
3. จากการแพทย์ทางไกล สู่ Virtual Hospitals
ในปี 2026 แนวคิด Telemedicine หรือการแพทย์ทางไกลจะพัฒนาเป็น Virtual Hospitals หรือโรงพยาบาลเสมือน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาได้แบบครบวงจร หรือพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากทุกที่ได้ แม้ผู้ป่วยอาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ตัวอย่างเช่น
โรงพยาบาล SEHA Virtual Hospital จากประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อสถานพยาบาลกว่า 130 แห่ง รองรับผู้ป่วยได้กว่า 400,000 คนต่อปี
UK NHS Online Hospital ระบบบริการสุขภาพแห่งชาติสหราชอาณาจักร (UK NHS) มีแผนสร้าง Online Hospital เพื่อรองรับประชากรผู้สูงอายุให้เข้าถึงผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขได้สะดวกมากขึ้น
4. AI สำหรับการวินิจฉัยโรค
ในปี 2026 การใช้ Generative AI เป็นผู้ช่วยวิเคราะห์หรือวินิจฉัยโรคจะแพร่หลายมากขึ้น เพื่อให้แพทย์หรือบุคลากรด่านหน้าตัดสินใจได้รวดเร็วขึ้น ใช้เวลากับผลแล็บหรือผลตรวจน้อยลง และใช้เวลากับการรักษาผู้ป่วยมากขึ้น โดยปี 2025 มีการทดลองใช้ AI เป็นตัวช่วยวินิจฉัยโรคหลายด้าน เช่น ตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม การคัดกรองโรคหลอดเลือดสมองและโรคหัวใจ
5. AI กับ CRISPR เทคโนโลยีดัดแปลงพันธุกรรม
เทคโนโลยี CRISPR (Clustered Regularly Interspaced Short Palindromic Repeats) เป็นเทคโนโลยีดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อรักษาโรคทางพันธุกรรมต่าง ๆ โดย AI เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการทดลองเกี่ยวกับการตัดต่อและเชื่อมสารพันธุกรรม ให้ทำได้เร็วขึ้นและปลอดภัยมากขึ้น
ในปี 2026 จึงเป็นไปได้ว่า AI อาจเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาการรักษาโรคทางพันธุกรรม เช่น โรคมะเร็ง โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง โรคฮันติงตัน (Huntington's Disease) และโรคอื่น ๆ ที่เกิดจากพันธุกรรมต่าง ๆ ต่อไปเราอาจได้เห็นการทดลองทางคลินิก ซึ่งถือเป็นสัญญาณของการแพทย์ยุคใหม่เลยก็ว่าได้
6. การคำนวณเชิงควอนตัมในธุรกิจเฮลท์แคร์
ในอนาคตเราอาจะได้เห็นการคำนวณเชิงควอนตัม (Quantum computing) มาใช้ในทางการแพทย์ โดยอาจมาในรูปแบบการจำลองระบบระดับควอนตัม ซึ่งช่วยจำลอง Protein Folding (ขั้นตอนที่กรดอะมิโนขดตัวกลายเป็นโปรตีนในรูปแบบโครงสร้าง 3 มิติ) การทำปฏิกิริยาของยา และกระบวนการทางพันธุกรรมได้แม่นยำกว่าเดิม
เรื่องน่ารู้: การคำนวณเชิงควอนตัม (Quantum computing) คือ การประมวลผลทางคลินิกในรูปแบบหน่วย คิวบิต (Qubit) ซึ่งย่อมาจาก Quantum Bit ทำให้ประมวลผลข้อมูลได้หลายสถานะ รวดเร็วยิ่งขึ้น จึงประมวลผลชุดคำสั่งได้หลายชุดในครั้งเดียว ลดเวลาในการประมวลผลข้อมูลต่าง ๆ
7. การปรับใช้หุ่นยนต์ในสถานการณ์จริง
ตั้งแต่หุ่นยนต์ผ่าตัดไปจนถึงหุ่นยนต์พนักงานในโรงพยาบาล อาจพบเห็นได้มากขึ้นในสถานพยาบาลในปี 2026 รวมถึงหุ่นยนต์ดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งเริ่มใช้งานแล้วในประเทศญี่ปุ่นและประเทศเกาหลีใต้ รวมถึงการพัฒนาหุ่นยนต์อัจฉริยะที่ช่วยลดภาระเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล ซึ่งจะช่วยลดปัญหาขาดแคลนบุคลากร
อย่างไรก็ตามคงต้องติดตามกันต่อว่าการนำหุ่นยนต์มาใช้ในสถานการณ์จริงจะส่งผลดีต่อแพทย์และผู้ป่วยอย่างไรบ้าง
8. การจำลองข้อมูลสุขภาพจาก AI
Generative AI ไม่เพียงสร้างข้อความ รูปภาพ หรือวิดีโอเท่านั้น แต่ยังจำลองข้อมูลต่าง ๆ ได้อีกด้วย โดยบริษัทเภสัชกรรมและผู้พัฒนา AI สามารถใช้ข้อมูลสุขภาพสังเคราะห์ (Synthetic Health Data) ในการฝึกโมเดล AI โดยไม่ต้องใช้ข้อมูลสุขภาพจากผู้ป่วยจริง ซึ่งอาจมีต้นทุนสูงและเสี่ยงต่อความปลอดภัย
อย่างไรก็ตามแม้การใช้ AI สร้างชุดข้อมูลเพื่อทดลองจะแพร่หลายมากขึ้น แต่อนาคตเราอาจได้เห็นนวัตกรรมที่ช่วยให้ข้อมูลปลอดภัยแม่นยำมากขึ้น เพื่อประเมินความเสี่ยงหากโมเดล AI ได้รับข้อมูลสังเคราะห์มากเกินไป
Digital Health สำคัญอย่างไรต่อระบบสาธารณสุข

1. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากร
Digital Health ช่วยให้บุคลากรสาธารณสุขทำงานได้รวดเร็ว แม่นยำ และลดภาระงานเอกสาร ผ่านการเข้าถึงข้อมูลแบบเรียลไทม์ผ่านระบบ HIS และระบบวิเคราะห์ข้อมูลที่ช่วยตัดสินใจได้ดีขึ้น ช่วยให้เจ้าหน้าที่มีสมาธิกับงานดูแลผู้ป่วยได้เต็มที่
2. สร้างเครือข่ายเชื่อมโยงในโรงพยาบาล
ระบบสุขภาพดิจิทัลช่วยลดปัญหาข้อมูลอยู่แยกกัน ซึ่งเป็นปัญหาหลักของระบบสาธารณสุขไทยที่ข้อมูลกระจัดกระจาย และไม่สามารถแลกเปลี่ยนข้ามหน่วยงานได้ การมีมาตรฐานข้อมูลและระบบที่เป็นศูนย์กลางข้อมูล ทำให้ข้อมูลผู้ป่วย การวินิจฉัย ผลตรวจ และประวัติการรักษาเชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อ
3. ยกระดับคุณภาพการดูแลผู้ป่วย
เมื่อบุคลากรทางการแพทย์เข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องได้เร็วขึ้น ผู้ป่วยก็เข้าถึงการรักษาได้เร็วขึ้นตามไปด้วย ช่วยให้การดูแลผู้ป่วยมีคุณภาพสูงขึ้น ทั้งการวินิจฉัย การดูแลรักษา การจัดยา และติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง ครบถ้วน
4. ยกระดับประสบการณ์รักษาของผู้ป่วย
ตั้งแต่ขั้นตอนการนัดหมาย รับคำวินิจฉัย รักษาโรค ผลตรวจ ไปจนถึงการติดตามอาการ Digital Health ช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านแอปพลิเคชัน การสื่อสารระหว่างผู้ป่วยและทีมรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดการเดินทาง ลดระยะเวลารอคอย เปลี่ยนการดูแลรักษาให้มีผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง
5. เพิ่มความปลอดภัยให้แก่ข้อมูล
Digital Health เป็นแนวทางในการวางรากฐานด้านความปลอดภัย ด้วยมาตรการด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยข้อมูลที่ชัดเจน ทั้งมาตรฐานการจัดการข้อมูลสุขภาพ สร้างระเบียบควบคุมการเข้าถึง การตรวจสอบการใช้งาน และการตอบสนองต่อเหตุละเมิดข้อมูล
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Digital Health
1. Digital Health คืออะไร?
Digital Health คือ การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น ระบบข้อมูลสุขภาพ แอปพลิเคชัน อุปกรณ์สวมใส่ ปัญญาประดิษฐ์ และ Telehealth เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกัน การวินิจฉัย การรักษา และการดูแลผู้ป่วยอย่างเป็นระบบและเชื่อมโยงกัน
2. Digital Health แตกต่างจาก HealthTech อย่างไร?
Digital Health ครอบคลุมระบบและโครงสร้างพื้นฐานด้านสุขภาพของประเทศหรือองค์กร เช่น มาตรฐานข้อมูล การแลกเปลี่ยนข้อมูล และระบบบริการสุขภาพดิจิทัล ส่วน HealthTech คือเทคโนโลยีหรือผลิตภัณฑ์เฉพาะด้าน เช่น อุปกรณ์ เครื่องมือ หรือแอปพลิเคชัน ที่ใช้งานได้ทั่วไป
3. ตัวอย่างของ Digital Health ในประเทศไทยมีอะไรบ้าง?
ตัวอย่างในไทยได้แก่ ระบบข้อมูลสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ (EHR) แพลตฟอร์ม Telehealth แห่งชาติ ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพ (HIE) โครงสร้างพื้นฐาน Digital Health Platform ของกระทรวงสาธารณสุข แอปสุขภาพดิจิทัลสำหรับประชาชน และโครงการติดตามผู้ป่วยเรื้อรังผ่านอุปกรณ์สวมใส่
4. ทำไม Digital Health ถึงสำคัญต่อโรงพยาบาล
Digital Health ช่วยให้โรงพยาบาลทำงานได้รวดเร็วและเป็นระบบ ลดภาระเอกสาร เชื่อมโยงข้อมูลข้ามแผนก เพิ่มความแม่นยำในการรักษา สร้างประสบการณ์ผู้ป่วยที่ดีขึ้น และยกระดับความปลอดภัยของข้อมูล ทำให้การบริหารจัดการทั้งองค์กรมีประสิทธิภาพมากขึ้น
MEDHIS ระบบที่ช่วยส่งเสริม Paperless ในโรงพยาบาล

MEDHIS ระบบสารสนเทศโรงพยาบาล (Hospital Information System – HIS) ที่ออกแบบและพัฒนาโดย MEDcury รองรับการทำงานของโรงพยาบาลทุกขนาด รวมถึงสถานพยาบาลประเภทอื่น ๆ ในธุรกิจเฮลท์แคร์ มาพร้อมคุณสมบัติที่ตอบโจทย์การพัฒนา Smart Hospital ไม่ว่าจะเป็น
Full EMR system เชื่อมโยงข้อมูลผู้ป่วยทุกแผนกด้วยระบบเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร เพื่อให้แพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์เข้าถึงข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ ลดการทำงานซ้ำซ้อนและข้อผิดพลาดในการรักษา
Web-based & Cloud Native รองรับการทำงานบนระบบ Web-based และ Cloud Native ตอบโจทย์การใช้งานของ Smart Hospital ที่ต้องการความยืดหยุ่น ปลอดภัย และรองรับการเติบโตในอนาคต
Web Responsive ออกแบบระบบให้ใช้งานได้จากทุกอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือสมาร์ตโฟน เข้าถึงข้อมูลเวชระเบียนได้สะดวก ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาได้เร็วขึ้น
Paperless Transformation เปลี่ยนผ่านสู่โรงพยาบาลไร้กระดาษ (Paperless Hospital) ด้วยระบบจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร ลดการใช้กระดาษ ลดความเสี่ยงจากการจัดเก็บเอกสารแบบเดิม และเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหา แบ่งปัน และส่งต่อข้อมูลภายในโรงพยาบาลอย่างปลอดภัย
สถานพยาบาลหรือธุรกิจเฮลท์แคร์ที่กำลังมองหาระบบ HIS ที่พร้อมรองรับการเติบโตในยุคดิจิทัล และเปิดรับศักยภาพใหม่ ๆ เพื่อยกระดับการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ ทีมผู้เชี่ยวชาญจาก MEDcury ยินดีให้คำปรึกษา ทั้งด้านเทคนิคและการปรับใช้ระบบให้เข้ากับบริบทของสถานพยาบาล ติดต่อเราเพื่อพูดคุยกับทีมของเราได้โดยตรงที่
โทรศัพท์ : 02-853-9131 (ในเวลาทำการ 10:00 - 18:00 น. วันจันทร์ - วันศุกร์)
อีเมล: sales@medcury.health
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MEDcury จากช่องทางอื่น
Facebook: facebook.com/medcury.health/
LinkedIn: linkedin.com/company/medcury
YouTube: https://www.youtube.com/@MEDcury



