top of page
BG-MED-1920x1080-1.jpg

ผลลัพธ์การค้นหา

พบผลการค้นหา 48 รายการ

  • การปฏิวัติเทคโนโลยีทางการแพทย์: การใช้ API และมาตรฐาน HL7 FHIR ในการเชื่อมต่อข้อมูล

    ในปัจจุบันหลาย ๆ องค์กรได้พัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์ขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีด้านระบบข้อมูล เช่น Health Information System (HIS), Health Information Exchange (HIE) เป็นต้น หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมไปถึงแอปพลิเคชันต่าง ๆ ซึ่งแน่นอนว่าสุดท้ายข้อมูลจากแต่ละเทคโนโลยีก็จะถูกนำมาใช้ควบคู่กันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของโรงพยาบาล แต่กว่าจะไปถึงจุดนั้น โรงพยาบาลจะต้องเจอกับปัญหาสุดเบสิคก่อนนั่นก็คือเทคโนโลยีเหล่านี้ไม่สามารถเชื่อมต่อกันได้ เนื่องจากแต่ละเทคโนโลยีถูกพัฒนาขึ้นโดยคนละองค์กร แล้วโรงพยาบาลจะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไร วันนี้ MEDcury จะมาอธิบายให้ฟัง ตามมาดูกันเลย! เราจะสามารถเชื่อมต่อเทคโนโลยีทางการแพทย์ต่าง ๆ เข้าด้วยกันได้อย่างไร ? เมื่อแต่ละระบบหรือแอปพลิเคชันถูกพัฒนาโดยคนละองค์กรเช่นนี้ เราจะทำให้เทคโนโลยีเหล่านี้สามารถเชื่อมต่อและสื่อสารกันได้ด้วย Application Programming Interface หรือ API ดังนั้นไม่ว่าซอฟต์แวร์เหล่านั้นจะถูกสร้างขึ้นโดยคนละองค์กร ถูกเขียนขึ้นด้วยภาษาหรือระบบปฏิบัติการที่แตกต่างกัน หรือแม้แต่อยู่กันคนละมุมโลก เราก็ยังสามารถเรียกใช้งานมันได้นั่นเอง ตัวอย่างเช่น : บริษัท A พัฒนาซอฟต์แวร์ A แต่ต้องการฟีเจอร์บางอย่างจากซอฟต์แวร์ B ของบริษัท B ที่เชี่ยวชาญและทำผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกัน เพื่อมาเสริมความแข็งแกร่งของซอฟต์แวร์ของตนเอง บริษัท A ก็เลยทำ API เพื่อเรียกขอบริการให้ซอฟต์แวร์ A กับซอฟต์แวร์ B เชื่อมต่อและสื่อสารกันได้นั่นเอง แค่มี API ก็สามารถเชื่อมต่อทุกเทคโนโลยีได้เลยหรือไม่ ? จริง ๆ ต้องบอกว่าทุกอย่างไม่ได้ง่ายขนาดนั้น โดยเฉพาะเมื่อต่างคนต่างสร้างซอฟต์แวร์ขึ้นมาเช่นนี้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นคือโครงสร้างของข้อมูลจากแต่ละเทคโนโลยีนั้นจะมีความแตกต่างกัน หากจะนำมาใช้ ผู้เรียกใช้ก็จะต้องทำการปรับแต่งโปรแกรมเพื่อดึงข้อมูลจาก API แต่ละแห่ง แล้วลองคิดดูสิว่าถ้ามีข้อมูลอยู่ 100 รูปแบบ แสดงว่าเราก็ต้องปรับถึง 100 ครั้งเลยทีเดียวเชียว และนี่ยังไม่นับกรณีมีการเปลี่ยนแปลงจาก API ต้นทางด้วยนะ ซึ่งถ้าหากเป็นแบบนี้คงยุ่งยากและใช้เวลานานมากแน่ ๆ ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องใช้มาตรฐานโครงสร้างข้อมูลเข้ามาช่วย เพื่อให้ข้อมูลจากทุกฝ่ายมีโครงสร้างที่ใกล้เคียงกันมากที่สุดเมื่อส่งผ่าน API เพื่อลดภาระงานในขั้นตอนนี้ไปนั่นเอง มาตรฐานโครงสร้างข้อมูล HL7 FHIR คืออะไร ? HL7 FHIR (Fast Healthcare Interoperability Resources) คือหนึ่งในมาตรฐานสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านสุขภาพผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ ถือเป็นมาตรฐานที่มีการใช้กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งนอกจากจะครอบคลุมถึงข้อมูลด้านการรักษาพยาบาล เช่น ประวัติผู้ป่วย ผลการวินิจฉัย ผลแล็บ นัดหมาย การสั่งยา เป็นต้น ซึ่ง HL7 FHIR ยังครอบคลุมไปถึงด้านการเงินและการจัดการของโรงพยาบาลอีกด้วย จะเห็นได้ว่าการใช้ API และมาตรฐาน HL7 FHIR เพื่อเชื่อมต่อเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้าด้วยกันนั้นเปรียบเสมือนการต่อชิ้นส่วนเลโก้เข้าด้วยกัน หากเลือกตัวต่อจากคนละเซ็ตอาจจะมีตัวที่ต่อได้ แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอยู่ดี แต่ถ้าเราใช้ทั้ง API และมาตรฐาน HL7 FHIR เทคโนโลยีทางการแพทย์ต่าง ๆ ก็จะสามารถสื่อสารระหว่างกันได้อย่างไร้รอยต่อและมีประสิทธิภาพนั่นเอง คราวหน้า MEDcury จะพาคุณไปรู้จักกับมาตรฐาน HL7 FHIR กันมากขึ้น รวมถึงเราจะมาบอกแนวทางการนำ HL7 FHIR มาประยุกต์ใช้ในโรงพยาบาลด้วย เพราะฉะนั้นอย่าลืมกดติดตามเพื่อที่คุณจะได้ไม่พลาดคอนเทนต์ใหม่ ๆ จากพวกเราได้ที่ โทรศัพท์ : 02-853-9131 (ในเวลาทำการ 10:00 - 18:00 น. วันจันทร์ - วันศุกร์) อีเมล : sales@medcury.health  หรือกรอกแบบฟอร์ม คลิกที่นี่ ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MEDcury จากช่องทางอื่น Facebook : facebook.com/medcury.health/ LinkedIn : linkedin.com/company/medcury YouTube : https://www.youtube.com/@MEDcury

  • MEDcury เปลี่ยนโฉม Centrix สู่ MEDHIS เดินหน้าสร้างระบบนิเวศสุขภาพพร้อมขยายสู่ตลาดต่างประเทศ

    MEDcury เปลี่ยนโฉม Centrix สู่ MEDHIS บริษัท เมดคิวรี จำกัด ผู้ผลิตและพัฒนา HealthTech Solutions สำหรับโรงพยาบาล ประกาศเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญจาก Centrix ระบบบริหารจัดการโรงพยาบาล (Hospital Information System หรือ HIS) สู่ระบบ MEDHIS หวังสร้างระบบนิเวศสุขภาพให้มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับเป้าหมายเพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านซอฟต์แวร์สำหรับ Smart Hospital พร้อมปรับแผนธุรกิจรุกหน้าขยายตลาดในไทยและต่างประเทศ บริษัท เมดคิวรี จำกัด หรือ MEDcury ผู้ให้บริการด้านซอฟต์แวร์โรงพยาบาลที่มุ่งพัฒนาโซลูชันต่าง ๆ ให้ก้าวทันเทคโนโลยีโรงพยาบาลที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ มีเป้าหมายเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ลดภาระของบุคลากรทางการแพทย์ และยกระดับคุณภาพการให้บริการผู้ป่วย โดยปัจจุบัน MEDcury มี 3 โซลูชันหลัก ได้แก่ ระบบ MEDHIS  :  ระบบบริหารจัดการโรงพยาบาล (Hospital Information System : HIS) ระบบ MEDConnext  :  ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพระหว่างโรงพยาบาล (Hospital Information Exchange : HIE) หมอในบ้าน  :  Virtual Health Platform สำหรับบริการทางการแพทย์ออนไลน์  นายจตุพล ชวพัฒนากุล ผู้ก่อตั้ง บริษัท เมดคิวรี จำกัด กล่าวว่า “ปี 2567 เป็นต้นไป MEDcury เตรียมเดินหน้าขยายการให้บริการ HealthTech Solutions โดยเพิ่มฐานลูกค้าและพันธมิตรจากต่างประเทศให้มากขึ้น เพื่อมุ่งเน้นการเป็นผู้นำด้านผู้ให้บริการซอฟต์แวร์โรงพยาบาลที่เป็นที่รู้จักทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดย MEDcury หวังที่จะเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ด้านโรงพยาบาลระดับภูมิภาค (Regional Company) เพื่อเปลี่ยนอุตสาหกรรม Healthcare ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น”   เป้าหมายในการขยายฐานลูกค้าและพันธมิตรทั้งในไทยและต่างประเทศ นายจตุพล กล่าวเพิ่มเติมว่า “MEDcury อยู่ระหว่างการดำเนินตามแผนกลยุทธ์ที่กำหนดไว้ ทั้งการพัฒนาโซลูชันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การเสริมกลยุทธ์การตลาดให้บริษัทเป็นที่รู้จักในวงกว้างผ่านโซลูชันที่ให้บริการ และการมองหาพันธมิตรเพื่อตอบรับความต้องการของตลาดและร่วมกันสร้างระบบนิเวศสุขภาพ (Healthcare Ecosystem) ไปด้วยกัน” MEDcury เดินหน้าสร้างระบบนิเวศสุขภาพสู่อนาคตต่อยอดจากระบบ Centrix ระบบ Centrix โซลูชันจากบริษัท ฮิวแมน เซนทริค จำกัด ได้รับความไว้วางใจจากโรงพยาบาลต่าง ๆ ในประเทศไทยมามากกว่าครึ่งทศวรรษ โดยระบบ Centrix กลายเป็นที่รู้จักในฐานะระบบบริหารจัดการโรงพยาบาล (HIS) ให้กับโรงพยาบาลพริ้นซ์ ปากน้ำโพ 1 ที่ผ่านมาตรฐาน HIMSS Analytics EMRAM Stage 7 มาตรฐานสูงสุดด้านเทคโนโลยีสารสนเทศโรงพยาบาลเป็นแห่งแรกของประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2562 และเดินหน้าขยายฐานลูกค้าทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชนนับแต่นั้นเป็นต้นมา โดยปัจจุบันระบบ Centrix มีกลุ่มลูกค้าโรงพยาบาลที่ให้ความเชื่อมั่นในศักยภาพมากกว่า 20 โรงพยาบาลทั่วประเทศไทย “ด้วยความไว้วางใจอันยาวนานจากโรงพยาบาลทั่วประเทศที่มีต่อระบบ Centrix และความเชี่ยวชาญรวมถึงวิสัยทัศน์อันมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศสุขภาพของ MEDcury เรายินดีที่จะต่อยอดประสิทธิภาพการทำงานของระบบซอฟต์แวร์ของ Centrix ให้ตอบโจทย์ธุรกิจโรงพยาบาลแต่ละรูปแบบมากขึ้น และมอบความเชื่อมั่นในนามของระบบ MEDHIS เพื่อต่อยอดประสิทธิภาพของระบบ มุ่งสู่เปลี่ยนแปลงระบบนิเวศสุขภาพให้ยั่งยืนต่อไปในอนาคต พร้อมทั้งการร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อจำหน่ายหรือติดตั้งซอฟต์แวร์ให้กับกลุ่มลูกค้าโรงพยาบาลให้ครอบคลุมมากกว่าเดิม” นายจตุพล กล่าว การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้สะท้อนวิสัยทัศน์ของ บริษัท เมดคิวรี จำกัด ในการเสริมสร้างระบบนิเวศสุขภาพให้แข็งแกร่งขึ้น ผ่านโซลูชันต่าง ๆ ที่ให้บริการ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพของระบบ Centrix ให้สอดคล้องกับการทำงานของโรงพยาบาลในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจโรงพยาบาลทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์สำคัญที่บริษัทฯ วางไว้ MEDHIS ระบบสารสนเทศโรงพยาบาลจาก MEDcury ระบบ MEDHIS จาก MEDcury คือโซลูชันระบบการบริหารจัดการโรงพยาบาล (HIS) ที่พัฒนาต่อยอดจากระบบ Centrix ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจโรงพยาบาลและระบบสาธารณสุขมากขึ้น มาพร้อมจำนวนโมดูลมากถึง 21 ตัวเลือก (Modules) รองรับระบบการทำงานในโรงพยาบาลแต่ละขนาด ตลอดจนการปรับปรุงระบบให้สามารถเชื่อมต่อระบบอื่น ๆ ได้อย่างไร้รอยต่อ ด้วยโซลูชันจากผู้พัฒนาเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น MEDConnext ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพระหว่างโรงพยาบาล และ MNB (หมอในบ้าน) แพลตฟอร์ม Virtual Health ในการบริการทางการแพทย์ออนไลน์ “MEDcury มีความยินดีและพร้อมนำเสนอระบบบริหารจัดการโรงพยาบาล MEDHIS ที่เกิดจากความตั้งใจและวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ พร้อมทั้งพันธมิตรที่มีอุดมการณ์ในการพัฒนาระบบสาธาณสุขและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยและคนทั่วโลกให้ดียิ่งขึ้น ด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพและประสบการณ์ของทีมงานในการผลักดันเป้าหมายการดำเนินงานในปี 2567 เพื่อผลักดันให้ MEDcury กลายเป็น Regional Company ในอนาคตอันใกล้” นายจตุพล กล่าวทิ้งท้าย คำมั่นสัญญาของ MEDcury ในการพัฒนาอุตสาหกรรม Healthcare สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา สร้างแรงกระตุ้นให้ผู้คนทั่วโลกหันมาสนใจเรื่องโรคภัยและการดูแลสุขภาพมากขึ้น เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ จากเหล่าสตาร์ทอัป HealthTech ที่มีจำนวนเติบโตอย่างต่อเนื่องจากความต้องการบริการทางการแพทย์ที่เพิ่มสูงขึ้น การตระหนักถึงความสำคัญของระบบสาธารณสุข และการขยายตัวของธุรกิจจากการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ปัจจัยเหล่านี้ต่างเพิ่มความท้าท้ายและโอกาสของการเติบโตด้านธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพอยู่ไม่น้อย การปรับตัวเพื่อสอดรับกับการเปลี่ยนแปลงจึงกลายเป็นเรื่องที่หลาย ๆ โรงพยาบาลต้องตื่นตัวอยู่เสมอ และมองหาโซลูชันที่จะเติบโตไปพร้อมกันได้ อนาคตของ MEDcury คือสร้างความร่วมมือพันธมิตรและโรงพยาบาลทั่วโลก ด้วยความเชี่ยวชาญของทีมงานและเป้าหมายของบริษัทฯ ในการขับเคลื่อนนวัตกรรมทางการแพทย์ ทั้งการพัฒนา HealthTech Solutions ที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็น ระบบ MEDHIS, ระบบ MEDConnext และ Virtual Health Platform เพื่อยกระดับชีวิตของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในระบบสาธารณสุข สนับสนุนให้โรงพยาบาลสามารถก้าวสู่การเป็น Smart Hospital และการสะท้อนขีดความสามารถที่จะขยายธุรกิจสู่ระดับสากลอย่างเต็มกำลัง เพื่อมุ่งหวังที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตของวงการแพทย์และสร้างระบบนิเวศสุขภาพอย่างยั่งยืน สนใจนำระบบ MEDHIS เข้ามาใช้ในโรงพยาบาลของคุณ ? ท่านใดที่สนใจ ระบบ MEDHIS ในการบริหารจัดการโรงพยาบาลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์จากผู้เชี่ยวชาญของ MEDcury ได้ที่ โทรศัพท์ : 02-853-9131 (ในเวลาทำการ 10:00 - 18:00 น. วันจันทร์ - วันศุกร์) อีเมล : sales@medcury.health  หรือกรอกแบบฟอร์ม คลิกที่นี่ ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MEDcury จากช่องทางอื่น Facebook : facebook.com/medcury.health/ LinkedIn : linkedin.com/company/medcury YouTube : https://www.youtube.com/@MEDcury

  • รู้จักระบบ MEDHIS ระบบที่ตอบโจทย์ความต้องการของโรงพยาบาลทุกขนาด

    จากบทความก่อนหน้านี้ ได้พูดถึงการต่อยอดระบบ Centrix สู่เป้าหมายของการพัฒนาเป็นระบบ MEDHIS อ่านบทความต่อได้ที่ MEDcury เปลี่ยนโฉม Centrix สู่ MEDHIS เดินหน้าสร้างระบบนิเวศสุขภาพพร้อมขยายสู่ตลาดต่างประเทศ และในบทความนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับระบบ MEDHIS หนึ่งในเฮลท์เทคโซลูชันจากบริษัท เมดคิวรี จำกัด พร้อมด้วยเนื้อหาต่าง ๆ ที่จะทำให้คุณเข้าใจการทำงานของระบบสารสนเทศโรงพยาบาลในชื่อ MEDHIS แบบเข้าใจง่าย MEDcury คือบริษัทอะไร ? บริษัท เมดคิวรี จำกัด หรือ MEDcury (เมดคิวรี)  ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2561 นำโดยผู้ก่อตั้ง นายจตุพล ชวพัฒนากุล คือบริษัทผู้ผลิตและพัฒนาซอฟต์แวร์ด้านการแพทย์ ที่มีเป้าหมายในการสร้างระบบนิเวศสุขภาพให้ยั่งยืนผ่านโซลูชันด้านสุขภาพ (HealthTech Solutions) เพื่อช่วยส่งเสริมการดำเนินงานของสถานพยาบาล ไม่ว่าจะเป็น การบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ การเชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างระบบต่าง ๆ การยกระดับการบริการด้านสุขภาพ และการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ ฯลฯ  ปัจจุบัน บริษัท เมดคิวรี จำกัด มี 4 โซลูชันพร้อมให้บริการสำหรับสถานพยาบาล ให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และสร้างโอกาสในการแข่งขันด้านธุรกิจทั้งในปัจจุบันและอนาคตได้ ได้แก่ ระบบ MEDHIS  : ระบบบริหารจัดการข้อมูลโรงพยาบาล (Hospital Information System หรือระบบ HIS) สำหรับสถาพยาบาลขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ หรือสถานพยาบาลที่มีการให้บริการทั้งแบบผู้ป่วยนอก (OPD) และแบบผู้ป่วยใน (IPD) เช่น โรงพยาบาลรัฐหรือโรงพยาบาลเอกชน ระบบ MEDHIS Lite  : ระบบบริหารจัดการข้อมูลโรงพยาบาลขนาดย่อ (Lite Version) ที่จำเป็นและเพียงพอต่อการดำเนินการของสถานพยาบาลขนาดเล็กถึงขนาดกลาง หรือสถานพยาบาลที่มีการให้บริการเฉพาะผู้ป่วยนอก (OPD) เช่น คลินิกเวชกรรม คลินิกเสริมความงาม คลินิกทันตกรรม หรือคลินิกสุขภาพจิต ฯลฯ ระบบ MEDConnext  : ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพระหว่างสถานพยาบาล (Hospital Information Exchange หรือระบบ HIE) ที่มีมาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพ FHIR Standard และสามารถเชื่อมต่อกับระบบ MEDHIS ได้อย่างคล่องตัว แพลตฟอร์ม Virtual Health  : บริการทางการแพทย์ในรูปแบบออนไลน์ เพื่อเพิ่มความสะดวกให้ผู้ป่วยเข้าถึงบริการด้านสุขภาพได้โดยไม่ต้องอยู่แค่ในโรงพยาบาล  ระบบเหล่านี้จำเป็นแค่ไหนกับโรงพยาบาล ?   หากพูดถึงปัจจัยของประชากรผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทย การเติบโตด้านเทคโนโลยี รวมทั้งการให้บริการที่เน้นผู้ป่วยเป็นหลัก (Patient-Centric) มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์รายบุคคล การเชื่อมต่อข้อมูลผู้ป่วยระหว่างสถานพยาบาลเพื่อลดภาระของผู้ป่วย และการเข้าถึงการบริการด้านสุขภาพทั้งในและนอกสถานพยาบาลของผู้ป่วย ฯลฯ ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ เปิดโอกาสทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า และเป็นความท้าทายของผู้บริหารสถานพยาบาลในการพิจารณาและคัดเลือกระบบโรงพยาบาลที่เหมาะสม เพื่อรองรับการเติบโตและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ ระบบ HIS ในสถานพยาบาลคืออะไร ? หากพูดถึงความหมายของระบบ HIS หลาย ๆ ท่านก็คงได้ยินคำเหล่านี้มาไม่มากก็น้อย ทั้งระบบบริหารจัดการข้อมูลโรงพยาบาล ระบบสารสนเทศในโรงพยาบาล หรือระบบสารสนเทศสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ทางการแพทย์ ที่ต่างประกอบสร้างความหมายเป็นระบบ HIS เหมือนกัน ที่เป็นหนึ่งใน ‘ระบบสารสนเทศโรงพยาบาล’ ที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานในแต่ละส่วนงานของสถานพยาบาลให้ราบรื่นนั่นเอง อ่านบทความต่อได้ที่ ระบบโรงพยาบาลคืออะไร ? เมื่อเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการดำเนินงานสถานพยาบาล ระบบ HIS จึงเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีพื้นฐานที่ถูกนำมาใช้เพื่อยกระดับระบบสารสนเทศของโรงพยาบาลและคลินิกต่าง ๆ อย่างแพร่หลาย ระบบ HIS จึงเปรียบเสมือนระบบหน้าบ้าน (Front-end) ที่ดำเนินงานด้วยระบบอัตโนมัติ (Automation) ในการบริหารจัดการข้อมูลผู้ป่วย  โดยครอบคลุมการทำงานแต่ละส่วนงานตั้งแต่การลงทะเบียน การบันทึกประวัติผู้ป่วย การรักษา การจ่ายยา การชำระเงิน ฯลฯ และสามารถสนับสนุนการตัดสินใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ในการรักษา การศึกษาวิจัย การจัดการคลังยา หรือการบริหารจัดการโรงพยาบาล ฯลฯ ระบบ HIS เชื่อมต่อกับระบบ EMR (Electronic Medical Record) หรือระบบการบันทึกเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อทดแทนการบันทึกด้วยลายมือและการบันทึกลงกระดาษแบบวิธีเดิม (Manual) โดยปัจจุบันถูกนำไปใช้ในการบันทึกข้อมูลผู้ป่วยอย่างแพร่หลาย และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงานภายในสถานพยาบาลด้วยเช่นกัน อ่านบทความต่อได้ที่ ระบบ EMR กับ EHR ต่างกันอย่างไร ? แต่เนื่องจากสถานพยาบาลแต่ละที่แตกต่างกันไปตามขนาดธุรกิจ จำนวนเตียง และมาตรฐานขั้นตอนการทำงาน (SOP) ผู้บริหารสถานพยาบาลจึงควรพิจารณาโดยคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่กล่าวมาเป็นสำคัญ ในการคัดเลือกคุณสมบัติของระบบและการเตรียมความพร้อมของบุคลากร เพื่อให้สามารถสนับสนุนแต่ละส่วนงานอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับธุรกิจสถานพยาบาล ระบบ MEDHIS ตอบโจทย์ความต้องการของโรงพยาบาลทุกขนาด ระบบ MEDHIS ถูกพัฒนาจากระบบ Centrix โดยบริษัท MEDcury ที่มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพการใช้งาน และการพัฒนาจำนวนโมดูล (Modules) อย่างต่อเนื่องให้ครอบคลุมการดำเนินงานของสถานพยาบาลในทุก ๆ ด้าน ปัจจุบันระบบ MEDHIS แบ่งการให้บริการออกเป็น 2 รูปแบบตามขนาดธุรกิจและจำนวนโมดูล ไม่ว่าจะเป็น ระบบ MEDHIS : เหมาะสำหรับสถานพยาบาลขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ที่มีรูปแบบการให้บริการผู้ป่วยทั้งแบบผู้ป่วยนอก (OPD) และผู้ป่วยใน (IPD) มีจำนวน 21 โมดูล ครอบคลุมการดำเนินงานของโรงพยาบาลตั้งแต่การลงทะเบียน แผนกการให้บริการผู้ป่วยต่าง ๆ การบัญชี และการจ่ายยา ฯลฯ ระบบ MEDHIS Lite :  หรือระบบ MEDHIS ขนาดย่อ (Lite Version)  เหมาะสำหรับสถานพยาบาลขนาดเล็กไปจนถึงกลางหรือคลินิก ที่มีรูปแบบการให้บริการแบบผู้ป่วยนอก (OPD Clinics) โดยมีจำนวน 6 โมดูลครอบคลุมการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับระบบ MEDHIS ที่ใช้ในสถานพยาบาลขนาดใหญ่ให้กับคลินิกแต่ละประเภท เช่น คลินิกเวชกรรม คลินิกทันตกรรม คลินิกเฉพาะทางด้านต่าง ๆ คลินิกกายภาพบำบัด คลินิกสุขภาพจิต เป็นต้น ความครบครันของโมดูลในระบบ MEDHIS ที่ครอบคลุมการดำเนินงานและขั้นตอนการรักษาผู้ป่วยแบบเต็มรูปแบบ (Full Patient Journey) และยังสามารถปรับจำนวนโมดูลให้เหมาะสำหรับสถานพยาบาลขนาดเล็กลงมา ทำให้ทั้ง 2 ระบบนี้จาก MEDcury จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับสถานพยาบาลทุกขนาด และเป็นเครื่องมือที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับระบบสารสนเทศในการเพิ่มประสบการณ์ที่ดีในการให้บริการผู้ป่วย และรองรับการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการให้บริการผู้ป่วยในอนาคตได้ MEDHIS ระบบที่เข้าใจผู้ใช้งานอย่างแท้จริง การออกแบบระบบโรงพยาบาลที่เรียบง่ายน่าใช้งาน และมีขั้นตอนไม่ซับซ้อนเป็นปัจจัยสำคัญในเพิ่มความพึงพอใจให้กับผู้ใช้งาน โดยเฉพาะ ‘พยาบาล’ ที่ต้องสัมผัสกับระบบมากที่สุด เพื่อลดเวลาในการทำความเข้าใจและเรียนรู้การทำงานของระบบให้น้อยลงกว่าเดิม  ด้วยประสบการณ์การทำงานในระบบสาธารณสุขไทยมาอย่างยาวนานและพัฒนาระบบโดยทีมงานคนไทย ระบบ MEDHIS จึงคำนึงถึงความคล่องตัวในการใช้งานไว้เป็นอันดับแรกควบคู่กับความปลอดภัยของระบบ  ด้วยรูปแบบและหน้าตาของระบบที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน (User-Friendly) พร้อมรองรับการใช้งานระบบเป็นภาษาไทยแบบเต็มรูปแบบ  ทั้งนี้ MEDcury มีทีมงานที่พร้อมจัดฝึกอบรมการมใช้งานระบบทั้งรูปแบบออนไลน์และในสถานที่ (On-site) ให้กับผู้ใช้งานในทุก ๆ ส่วนงานที่เกี่ยวข้อง ที่จะช่วยคลายข้อกังวลสำหรับผู้บริหารสถานพยาบาลในการเตรียมความพร้อมให้กับบุคลากร เพื่อสร้างความมั่นใจในระหว่างการใช้งานและสนับสนุนบุคลากรให้สามารถดำเนินงานแต่ละส่วนงานต่าง ๆ ผ่านระบบ MEDHIS ได้อย่างเต็มกำลัง  จุดเด่นที่ทำให้ระบบ MEDHIS เป็นระบบที่ตอบโจทย์การดำเนินงานของโรงพยาบาลในยุคนี้ คือตัวเลือกของ การทำงานผ่านระบบคลาวน์ (On-Cloud) ด้วยระบบเว็บเบส (Web-Based Systems)  ที่ช่วยให้บุคลากรในสถานพยาบาลสามารถเข้าถึงข้อมูลล่าสุดของผู้ป่วย เพียงอาศัยเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ลงอุปกรณ์ นอกจากนี้ การลดต้นทุนในการบำรุงรักษา (Maintenance) ของสถานพยาบาลหลายแห่ง ทำให้ตัวเลือกการใช้งานที่กล่าวได้รับความนิยมมากขึ้นด้วยเช่นกัน โดยจุดเด่นของการเลือกใช้รูปแบบดังกล่าว มีดังนี้ รองรับการปรับขนาดธุรกิจ และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในอนาคต ระบบ On-Cloud เพิ่ม-ลดพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้ยืดหยุ่นมากกว่า ระบบ Web-Based ที่สามารถใช้งานผ่านทางเว็บบราวเซอร์ได้ในอุปกรณ์ เช่น คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ สามารถเข้าถึงข้อมูลแบบ Real-Time พร้อมควบคุมสิทธิ์การเข้าถึงตามที่กำหนดไว้ในแต่ละตำแหน่งได้ (Role-Based Access Control หรือ RBAC) ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูลผ่านการเข้ารหัสข้อมูล (Data Encryption) จุดเด่นเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนในการบำรุงรักษาเท่านั้น แต่ยังช่วยลดการลงทุนด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ รวมถึงข้อจำกัดของอุปกรณ์และซอฟต์แวร์สารสนเทศในสถานพยาบาล ไม่ว่าจะเป็น พื้นที่การเก็บข้อมูล งบประมาณ จำนวนบุคลากร หรือความเสี่ยงในการถูกโจมตีทางไซเบอร์ของระบบโรงพยาบาล ฯลฯ ให้ลดลงได้อีกด้วย ฟีเจอร์ที่น่าสนใจของระบบ MEDHIS การใช้กระดาษในสถานพยาบาลคืออีกหนึ่งต้นทุนที่อาจมองข้ามได้ยาก ทั้งค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อ ค่าหมึกพิมพ์ ค่าขนส่ง ค่าจัดเก็บเอกสาร ค่าทำลาย ฯลฯ รวมถึงข้อจำกัดเรื่องพื้นที่การจัดเก็บและความเสี่ยงในการสูญหายจากทั้งอุบัติเหตุหรือภัยธรรมชาติ และความเข้าใจผิดที่อาจเกิดจากลายมือแพทย์ในระหว่างการรักษาผู้ป่วย ระบบ MEDHIS รองรับการเชื่อมโยงข้อมูลบนระบบ EMR แบบเต็มระบบ ถือเป็นหนึ่งกุญแจสำคัญที่จะช่วยเสริมเป้าหมายการเป็นโรงพยาบาลไร้กระดาษ (Paperless Hospital) หรือโรงพยาบาลสีเขียว (Green Hospital) ได้เป็นอย่างดี เพื่อช่วยลดปัจจัยทางด้านต้นทุนต่าง ๆ ที่อาจเพิ่มขึ้นจากการใช้กระดาษ และความเสี่ยงของการจัดเก็บข้อมูลและการบันทึกข้อมูลในรูปแบบเดิม นอกจากนี้ระบบ MEDHIS ยังออกแบบฟีเจอร์ที่สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีให้ได้มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ฟีเจอร์ การแปลงเสียงพูดเป็นข้อความ (Speech to Text)  ที่ช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการบันทึกข้อมูล และฟีเจอร์ การถ่ายภาพและอัปโหลดภาพ (Taken Photos and Upload Images)  ที่สามารถใช้งานผ่านระบบโดยตรงได้ เพื่อช่วยให้แพทย์สามารถบันทึกการวินิจฉัยหรือการรักษาได้คล่องตัวมากขึ้น และที่สำคัญคือการเพิ่มเวลาให้กับบุคลากรทางการแพทย์มีเวลาดูแลผู้ป่วยได้มากขึ้นนั่นเอง การใช้ระบบ EMR ในระบบ MEDHIS ยังสามารถรองรับการเชื่อมต่อ API กับระบบต่าง ๆ ภายในสถานพยาบาลเพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการทำงานของบุคลากรในการวินิจฉัยผู้ป่วย และลดความผิดพลาดของข้อมูลหรือผลตรวจจากระบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ระบบงานห้องฉุกเฉิน หรือ ER (Emergency Room)  ระบบที่จัดเก็บรูปภาพทางการแพทย์ หรือ PACS (Picture Archiving and Communication System)  ระบบสารสนเทศทางห้องปฎิบัติการ LIS (Laboratory Information System)  ระบบสารสนเทศด้านรังสีวิทยา หรือ RIS (Radiology Information System) MEDHIS กับความเชื่อมั่นในมาตรฐานระบบสารสนเทศ แม้ว่าการนำระบบสารสนเทศและเทคโนโลยีทางการแพทย์มาใช้ในโรงพยาบาลจะเป็นสิ่งดึงดูดลูกค้า นักลงทุน หรือบุคลากรทางการแพทย์ที่มีทักษะ แต่ก็ อาจไม่เพียงพอในการแข่งขันธุรกิจในปัจจุบันอีกต่อไป  เมื่อการใช้ระบบสารสนเทศและเทคโนโลยีต้องมาพร้อมกับความมั่นใจและความน่าเชื่อถือที่มากกว่าการมีระบบเพียงอย่างเดียว มาตรฐาน HIMSS EMRAM (Electronic Medical Record Adoption Model) เป็นมาตรฐานที่ช่วยวัดประสิทธิภาพระบบสารสนเทศในโรงพยาบาล เพื่อช่วยให้สถานพยาบาลสามารถพัฒนาระบบสารสนเทศให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และสร้างความเชื่อมั่นในความพร้อมของสถานพยาบาลในการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดูแลผู้ป่วยและเพิ่มขีดความสามารถในพัฒนาสู่ระดับมาตรฐานสากล ระบบ MEDHIS เป็นหนึ่งฟันเฟืองที่ช่วยผลักดันระบบสารสนเทศของโรงพยาบาลพริ้นซ์ ปากน้ำโพ ให้ได้รับการรับรอง EMRAM Stage 7 ในปี พ.ศ.2562 ถือเป็นโรงพยาบาลแห่งที่สองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามมาด้วยโรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ที่ได้รับการรับรอง EMRAM Stage 7 เช่นเดียวกันในปี พ.ศ.2567 มาตรฐานดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของระบบ MEDHIS ในการผลักดันสถานพยาบาลให้มุ่งสู่มาตรฐานระดับประเทศและระดับสากลอื่น ๆ ต่อไปในอนาคต ด้วยประโยชน์ของการใช้งานผ่านมุมมองของผู้ให้บริการที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการและการรักษา การลดความผิดพลาดทางการแพทย์ การเพิ่มความสะดวกในการทำงานของบุคลากร ฯลฯ และมุมมองของผู้ใช้บริการที่จะช่วยให้ได้รับการรักษาที่รวดเร็ว เข้าถึงข้อมูลสุขภาของตนเองได้ง่ายขึ้น และความพึงพอใจในการใช้บริการสถานพยาบาล ฯลฯ ทำไมต้องใช้ระบบ MEDHIS ? การดำเนินงานในโรงพยาบาลหรือคลินิกไม่ใช่แค่การบริการผู้ป่วย แต่ยังต้องมีการจัดการระบบอย่างมีระเบียบเพื่อให้การให้บริการผู้ป่วยเป็นไปอย่างราบรื่นตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลใหญ่หรือคลินิกขนาดเล็กต่างก็จำเป็นต้องมีระบบการจัดการอย่างระบบ HIS ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารจัดการระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์อย่างมีประสิทธิภาพ หากกำลังมองหาระบบ HIS พร้อมผู้เชี่ยวชาญและทีมซัพพอร์ตลูกค้า (Customer Support) ที่พร้อมให้คำปรึกษา ดูแล แก้ปัญหาให้กับผู้ใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง MEDcury เราพร้อมให้บริการโซลูชันอย่างระบบ MEDHIS และระบบ MEDHIS Lite ระบบบริหารจัดการข้อมูลโรงพยาบาลที่รองรับการทำงานของสถานพยาบาลทุกขนาด ด้วยความเชื่อมั่นของลูกค้าโรงพยาบาลชั้นนำกว่า 30 โรงพยาบาลและ 50 คลินิกทั่วประเทศไทย และฐานข้อมูลผู้ป่วยภายใต้การดูแลกว่า 3.5 ล้านราย (HN) ด้วยความมุ่งมั่นของบริษัท เมดคิวรี จำกัด ที่จะพัฒนาระบบสาธารณสุขไทยและระบบนิเวศสุขภาพให้แข็งแกร่งและยั่งยืน ผ่านการพัฒนาระบบและปรับปรุงระบบอยู่เสมอเพื่อให้สามารถตอบโจทย์การทำงานของสถานพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงโอกาสของการเชื่อมต่อและการบูรณาการกับระบบต่าง ๆ ในการรองรับความต้องการของตลาดด้านสุขภาพ เพื่อช่วยให้สถานพยาบาลของท่านสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและมุ่งสู่การสร้างระบบนิเวศสุขภาพอย่างยั่งยืนต่อไป ท่านใดที่สนใจปรึกษาระบบ MEDHIS และ MEDHIS Lite สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์จากผู้เชี่ยวชาญของ MEDcury ได้ที่ โทรศัพท์ : 02-853-9131 (ในเวลาทำการ 10:00 - 18:00 น. วันจันทร์ - วันศุกร์) อีเมล : sales@medcury.health หรือกรอกแบบฟอร์ม คลิกที่นี่ ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MEDcury จากช่องทางอื่น Facebook : facebook.com/medcury.health/ LinkedIn : linkedin.com/company/medcury YouTube : https://www.youtube.com/@MEDcury   #ระบบโรงพยาบาล #HIS #HMS #ระบบHIS #ระบบHMS #MEDcury #MEDHIS #MEDconnext #Centrix

  • ระบบ HIS คืออะไร? รวมศัพท์น่ารู้ในระบบสารสนเทศโรงพยาบาลไว้ที่เดียว! [EP.1]

    ในแต่ละวงการอุตสาหกรรมต่าง ๆ ปฎิเสธไม่ได้เลยว่ามักจะมี คำศัพท์เฉพาะทาง (Technical Words) หรือคำย่อ ( Acronyms ) ที่มักโผล่ในข่าวสารที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมนั้น ๆ จนบางครั้งก็เดากันไม่ออกและเกิดความสงสัยว่าคำศัพท์หรือคำย่อที่เหล่านี้มีความหมาย บริบท หรือวิธีการใช้งานที่เหมือนหรือต่างกันกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ อย่างไร ซีรีส์ HealthTech 101 จาก MEDcury จะพูดถึงคำศัพท์เฉพาะทางหรือคำย่อต่าง ๆ ที่อยู่ในอุตสาหกรรมทางการแพทย์และเทคโนโลยีด้านการแพทย์ (Health Tech) ที่ใช้ในการสื่อสารทั้งภายในองค์กรและสู่สาธารณะ เพื่อเป็นประโยชน์ให้กับผู้ที่เริ่มสนใจและอยากทำความรู้จักในเบื้องต้น ที่จะช่วยให้เข้าใจวงการดังกล่าวมากยิ่งขึ้นนั่นเอง  สำหรับ EP.1 จึงขอเริ่มต้นด้วยคำย่อในหมวดของ ‘ระบบ HIS’ ที่มีคำย่อซ่อนอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น EMR, EHR, RBAC และอื่น ๆ แต่คำเหล่านี้จะมีความหมายว่าอะไร หรือมีหน้าที่อะไรในระบบ HIS ไปดูกันเลย 10 คำศัพท์ในระบบ HIS พร้อมความหมาย HIS ย่อมาจาก Hospital Information System (อ่านว่า เอช-ไอ-เอส) คือระบบสารสนเทศโรงพยาบาลหรือระบบบริหารจัดการข้อมูลโรงพยาบาลที่ใช้ในสถานพยาบาลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น โรงพยาบาล หรือคลินิก (OPD Clinics) ที่ครอบคลุมการจัดการข้อมูลในทุกด้านหรือทุกแผนกของสถานพยาบาล ตั้งแต่การลงทะเบียนผู้ป่วย การรักษา การตรวจวินิจฉัย การจ่ายยา การจัดการคลังยา การจัดการทรัพยากรโรงพยาบาล ฯลฯ โดยสถานพยาบาลที่มีความพร้อมในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบสารสนเทศที่ดี ความพร้อมของบุคลากร และทรัพยากรภายในโรงพยาบาลที่ตอบโจทย์การนำระบบสารสนเทศมาปรับใช้ ฯลฯ ต่างเป็นปัจจัยสำคัญในการวัดมาตรฐานของระบบสารสนเทศภายในสถานพยาบาลให้สามารถเทียบเท่ามาตรฐานสากลได้ ยกตัวอย่างเช่น มาตรฐานการรับรองระบบสารสนเทศ HIMSS Analytics EMRAM และอื่น ๆ เป็นต้น HIE ย่อมาจาก Hospital Information Exchange (อ่านว่า เอช-ไอ-อี) คือระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพระหว่างสถานพยาบาลที่สามารถเชื่อมต่อระบบ HIS ของแต่ละสถานพยาบาลภายใต้การใช้มาตรฐานสากลในการแลกเปลี่ยนข้อมูลเดียวกันอย่าง HL7 (Health Level Seven) โดยประโยชน์สูงสุดของการใช้ระบบ HIE คือความพึงพอใจในการใช้บริการของผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็น การลดภาระของผู้ป่วยในการขอสำเนาประวัติการรักษา การติดตามประวัติการรักษาเพื่อประโยชน์ในการวินิจฉัยและการรักษาได้อย่างทันท่วงที ฯลฯ ความท้าทายของระบบ HIE นั้นคงหนีไม่พ้นความปลอดภัยของข้อมูล เนื่องจากข้อมูลสุขภาพของผู้ป่วยถือเป็นข้อมูลที่ละเอียดอ่อนและเกี่ยวข้องกับกฎหมาย เช่น PDPA ทำให้ระบบ HIE มีข้อกำหนดและมาตรฐานด้านความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสข้อมูล (Data Encryption) และการกำหนดสิทธิ์การเข้าถึง (Role-Based Access Control) และระบบการสำรองข้อมูลที่เลือกใช้ เพื่อทำให้มั่นใจว่าข้อมูลของผู้ป่วยจะสามารถเข้าถึงและพร้อมใช้งานได้ทันที แต่ละสถานพยาบาลในประเทศไทยต่างมีมาตรฐานการจัดเก็บข้อมูลของผู้ป่วยที่แตกต่างกันไป แต่ถือเป็นเรื่องที่เป็นไปได้และมีตัวอย่างให้เห็น ยกตัวอย่าง เครือพริ้นซ์ซิเพิล เฮลท์แคร์  ที่มีโรงพยาบาลในเครือมากกว่า 13 แห่ง ต่างใช้ระบบการจัดเก็บข้อมูลแบบเดียวกัน ในการเพิ่มโอกาสของผู้ป่วยในการเข้าถึงระบบสุขภาพได้เร็วยิ่งขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องขอสำเนาประวัติการรักษานั่นเอง RBAC ย่อมาจาก Role-Based Access Control (อ่านว่า อาร์-บี-เอ-ซี) คือการควบคุมการเข้าถึงหรือการจัดการสิทธิ์การเข้าใช้งานของบุคลากรในสถานพยาบาล ไม่ว่าจะเป็น แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ลงทะเบียน เภสัชกร ฯลฯ เพื่่อควบคุมแต่ละตำแหน่งงานในการเข้าถึงข้อมูลผู้ป่วย ข้อมูลการรักษา หรือทรัพยากรต่าง ๆ ภายในระบบที่เกี่ยวข้องตามบทบาท (Role) ที่ได้รับมอบหมาย การรักษาความปลอดภัยของระบบและข้อมูลผ่านการใช้งาน RBAC นั้นถูกนำไปใช้งานในหลายอุตสาหกรรม เช่น ระบบ POS ร้านค้า รวมไปถึงระบบโรงพยาบาลหรือคลินิกต่าง ๆ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการเข้าถึงข้อมูล การแก้ไขข้อมูล หรือการคัดลอกข้อมูลที่ละเอียดอ่อนโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งไม่เพียงแต่คำนึงถึงผู้รับบริการเท่านั้น แต่ข้อดีในฐานะผู้ใช้งานคือการช่วยลดความซับซ้อนและความผิดพลาดในการทำงาน โดยการเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นต่อการทำงานแค่ในตำแหน่งของตนเอง CDSS ย่อมาจากคำว่า Clinical Decision Support System (อ่านว่า ซี-ดี-เอส-เอส) คือระบบคอมพิวเตอร์ที่ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจและให้คำแนะนำของแพทย์ ช่วยให้แพทย์สามารถตัดสินใจในการวินิจฉัยและการรักษาผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น ถือเป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยตัดสินใจ ไม่ใช่ระบบที่เข้ามาทดแทนหรือ Disrupt วงการแพทย์ได้อย่างสมบูรณ์ซะทีเดียว  ระบบ CDSS สนับสนุนการทำงานของแพทย์โดยอาศัยข้อมูลการรักษาของผู้ป่วยที่ถูกบันทึกในระบบเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์ (EMR) ในการวิเคราะห์และช่วยวินิจฉัย เช่น 4.1. การสั่งยาของแพทย์ :  ระบบ CDSS สามารถตรวจสอบปฏิกิริยาของยา และแจ้งเตือนในระบบเมื่อพบความผิดปกติในการสั่งยา เช่น การแพ้ยา การให้ยาซ้ำ ขนาดยาที่ไม่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วย ฯลฯ 4.2. การวินิจฉัยโรคและการรักษา : ระบบ CDSS สามารถช่วยแพทย์ในการวินิจฉัยโรคจากอาการของผู้ป่วย และผลตรวจต่าง ๆ ได้ทันทีในขณะที่กำลังดูแลผู้ป่วย และสามารถแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสมตามแนวทางปฏิบัติทางการแพทย์ หากเปรียบเทียบระหว่างระบบ CDSS กับการขอความคิดเห็นที่สองจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ (Second Opinion) นั้น คงไม่สามารถทดแทนกันได้แต่สามารถทำงานร่วมกันได้ เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกมั่นใจในแนวทางการรักษาของแพทย์และมาตรฐานของโรงพยาบาล 4.3. การแนะนำและการติดตามผลการรักษา : ระบบ CDSS สามารถเปรียบเทียบประวัติการรักษาของผู้ป่วย รวมถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นหลังการรักษา เพื่อให้คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยแบบรายบุคคล เช่น การฟื้นฟูร่างกายหลังผ่าตัด การควบคุมระดับน้ำตาลของผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือการเลือกยาเคมีบำบัดสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง เป็นต้น  CPOE ย่อมาจากคำว่า Computerized Physician Order Entry (อ่านว่า ซี-พี-โอ-อี) คือระบบสั่งการแพทย์ผ่านทางคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ และใช้งานผ่านระบบโรงพยาบาลที่รองระบระบบเวชระเบียนนอิเล็กทรอนิกส์ (EMR) นั่นเอง ซึ่งจุดเด่นของระบบ CPOE คือการเข้ามาเพื่อทดแทนการเขียนใบสั่งการรักษาหรือใบสั่งยาด้วยลายมือให้ได้มากที่สุด หากพูดถึงประเด็นทางสังคมที่ถูกพูดถึงและถกเถียงกันเกี่ยวกับ ‘ลายมือแพทย์’ หลาย ๆ คนคงจะเห็นภาพมากขึ้นว่าการเขียนนั้นอาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดในการสื่อสารระหว่างบุคลากรทางการแพทย์เกิดขึ้นง่ายไม่น้อย แพทย์จะเข้าสู่ระบบ CPOE เพื่อทำการสั่งการรักษาผ่านระบบ ไม่ว่าจะเป็น การสั่งยา การส่งตรวจเพิ่มเติม โดยระบบจะแสดงรายการยาหรือรายการตรวจที่สามารถสั่งได้ให้กับแพทย์ โดยระบบนี้สามารถทำงานร่วมระบบ CDSS อย่างไร้รอยต่อในการตรวจสอบความถูกต้องและการแจ้งเตือนปฏิกิริยาของยาได้ด้วยเช่นกัน จุดประสงค์ของการสั่งการแพทย์ในระบบนั้น ก็เพื่อให้ข้อมูลถูกบันทึกไว้ในระบบดิจิทัลและเชื่อมโยงกับระบบของแผนกอื่น  ๆ ภายในโรงพยาบาลให้สามารถติดตามสถานะได้และดำเนินงานอย่างมีระบบ เพื่อส่งคำสั่งไปยังแผนกที่เกี่ยวข้องที่จะเพิ่มความรวดเร็วและสะดวกมากยิ่งขึ้น อย่างเช่น ห้องจ่ายยา หรือห้องตรวจเพิ่มเติมนั่นเอง MA ย่อมาจากคำว่า Maintenance Service Agreement (อ่านว่า เอ็ม-เอ) คือสัญญาการบริการบำรุงรักษาระหว่างผู้ให้บริการและสถานพยาบาล ยกตัวอย่างผู้ให้บริการ เช่น บริษัทผู้ให้บริการในการติดตั้งระบบซอฟต์แวร์ ที่จะต้องมีสัญญาที่กำหนดขอบเขตในการให้บริการและเงื่อนไขในการดูแลรักษาระบบซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งให้กับสถานพยาบาลแต่ละที่ เช่น การฝึกอบรม การสนับสนุนทางเทคนิค การอัปเดตซอฟต์แวร์ และการแก้ไขปัญหา เป็นต้น ในปัจจุบัน MA หรือ Maintenance Service Agreement กลายเป็นจุดแข่งขันที่สำคัญสำหรับบริษัทจำหน่ายระบบซอฟต์แวร์ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการแพทย์ ทำให้ MA ไม่เพียงแต่เป็นสัญญาที่ระบุขอบเขตของการทำงานเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดแข็งในการสร้างความแตกต่างในการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็น บุคลากรฝึกอบรมที่มีความเชี่ยวชาญ ระบบแจ้งซ่อมออนไลน์ที่ติดต่อได้ตลอด 24 ชั่วโมง การแก้ไขและอัปเดตซอฟต์แวร์ได้อย่างรวดเร็ว ฯลฯ เพื่อสร้างความมั่นใจและความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าในระยะยาว EMR ย่อมาจากคำว่า Electronic Medical Record (อ่านว่า อี-เอ็ม-อาร์) คือระบบเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถบันทึกข้อมูลผู้ป่วยผ่านระบบดิจิทัลและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต ฯลฯ ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ เพื่อทดแทนการใช้กระดาษในการจดบันทึก และการจัดเก็บเอกสารแบบเดิม ๆ ระบบ EMR มักเชื่อมต่อเข้ากับระบบ HIS เพื่อทำงานร่วมกัน โดยระบบ EMR จะถูกเชื่อมต่อข้อมูลในแต่ละแผนก เช่น แผนกลงทะเบียนผู้ป่วย แผนกห้องตรวจหรือห้องปฏิบัติการ แผนกจ่ายยา แผนกชำระเงิน ฯลฯ เพื่อให้สามารถติดตามและอัปเดตข้อมูลผู้ป่วยได้อย่างต่อเนื่อง และประหยัดเวลาในการค้นหาข้อมูลผู้ป่วย เพื่อประโยชน์ของการรักษาและความพึงพอใจของผู้ป่วยด้วยนั่นเอง การนำระบบ EMR มาปรับใช้นั้นยังช่วยลดความผิดพลาดในการบันทึกข้อมูลหรือ Human Error ให้ลดลง พร้อมด้วยระบบการตรวจสอบความผิดพลาดของข้อมูลและการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด ยกตัวอย่างเช่น การควบคุมสิทธิ์การเข้าถึงตามบทบาท (RBAC) หรือระบบ CDSS ป้องกันการจ่ายยาซ้ำหรือการแพ้ยา เป็นต้น EHR (อ่านว่า อี-เอช-อาร์) ย่อมาจากคำว่า Electronic Health Record (อ่านว่า อี-เอช-อาร์) คือระบบระเบียนสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ที่ครอบคลุมข้อมูลสุขภาพจากประวัติการรักษาของผู้ป่วยทั้งหมด และสามารถส่งต่อข้อมูลด้านสุขภาพต่าง ๆ ให้กับผู้ให้บริการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาที่ต่อเนื่องและครอบคลุมมากขึ้นได้ แตกต่างจากระบบ EMR ที่จะครอบคลุมเพียงข้อมูลสุขภาพของผู้ป่วยภายในสถานพยาบาลเดียวเท่านั้น ระบบ EHR มีการบันทึกข้อมูลในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์เช่นเดียวกันกับระบบ EMR ไม่ว่าจะเป็น ประวัติการรักษา ผลการตรวจ ประวัติการแพ้ยา ประวัติการฉีดวัคซีน หรือข้อมูลสุขภาพอื่น ๆ โดยมีจุดเด่นในการส่งต่อข้อมูลสุขภาพของผู้ป่วยให้กับสถานพยาบาลอื่น ๆ ได้ เพื่อช่วยลดความซ้ำซ้อนในการตรวจ และเพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัย ภายใต้ความปลอดภัยในการเก็บและส่งต่อข้อมูลด้วยเช่นกัน PACS ย่อมาจากคำว่า Picture Archiving and Communication System (อ่านว่า แพคส์) คือระบบการเก็บภาพและการสื่อสารภาพถ่ายทางการแพทย์ ที่ออกแบบระบบมาเพื่อทำการจัดเก็บภาพทางการแพทย์ต่าง ๆ ในรูปแบบดิจิทัล สามารถทำงานร่วมกับระบบ EMR ในการเชื่อมต่อข้อมูลผู้ป่วยให้อยู่ภายในระบบเดียวกัน เช่น ภาพเอกซเรย์ (X-Ray), MRI หรือ CT Scan เพื่อช่วยลดต้นทุนและพื้้นที่การจัดเก็บข้อมูล และเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลผู้ป่วยผ่านระบบคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้ทุกที่ทุกเวลา นอกจากนี้ ระบบ PACS สามารถลดความเสี่ยงของการสูญหายของข้อมูลและมีความปลอดภัยสูงกว่าการจัดเก็บข้อมูลด้วยฟิล์ม ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของแผนกรังสีวิทยาและต้นทุนได้เป็นอย่างดี  API ย่อมาจากคำว่า Application Programming Interface (อ่านว่า เอ-พี-ไอ) คืออินเตอร์เฟซโปรแกรมสำหรับการใช้งานทางการแพทย์ที่เปรียบเสมือน ‘ประตู’ ที่เชื่อมต่อระหว่างระบบหรือโปรแกรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้ป่วยและการให้บริการทางการแพทย์ให้สามารถสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น การเชื่อมต่อระบบ HIS กับระบบ EMR  เพื่อสามารถเชื่อมโยงข้อมูลของผู้ป่วยในแต่ละแผนกได้อย่างต่อเนื่อง หรือ การเชื่อมต่อระบบ EMR กับเครื่องวัดสัญญาณชีพ (Vital Sign Monitor)  ที่สามารถทำการบันทึกข้อมูลเข้าสู่ระบบดิจิทัลได้อย่างรวดเร็ว ทดแทนการลงบันทึกด้วยลายมือหรือเสียเวลาลงบันทึกในระบบที่ซ้ำซ้อน เป็นต้น เป็นอย่างไรบ้าง ? กับ 10 คำศัพท์ในระบบ HIS ของสถานพยาบาล สรุปแล้ว ระบบ HIS คืออะไรนั้น ? หวังว่าหลาย ๆ คนจะเข้าใจความหมายของคำศัพท์ที่อยู่ภายในระบบ HIS และฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ซ่อนอยู่ในระบบสารสนเทศโรงพยาบาลได้ไม่มากก็น้อย ใน EP ถัดไป เมดคิวรีในซีรีส์ Health Tech 101 จะมาพร้อมกับหมวดอะไร อย่าลืมติดตามกันด้วยนะ ท่านใดที่สนใจปรึกษาระบบ MEDHIS และ MEDHIS Lite สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์จากผู้เชี่ยวชาญของ MEDcury ได้ที่ โทรศัพท์ : 02-853-9131 (ในเวลาทำการ 10:00 - 18:00 น. วันจันทร์ - วันศุกร์) อีเมล : sales@medcury.health  หรือกรอกแบบฟอร์ม คลิกที่นี่ ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MEDcury จากช่องทางอื่น Facebook : facebook.com/medcury.health/ LinkedIn : linkedin.com/company/medcury YouTube : https://www.youtube.com/@MEDcury

  • ประกาศแจ้งเปลี่ยนที่อยู่สำนักงานใหญ่ของ บริษัท เมดคิวรี จำกัด

    บริษัท เมดคิวรี จำกัด ขอเรียนแจ้งลูกค้า คู่ค้า และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่าน ให้ทราบว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงที่อยู่สำนักงานใหญ่ (Head Office) โดยมีผลตั้งแต่วันจันทร์ที่ 6 มกราคม 2568 เป็นต้นไป ที่อยู่เดิม ของบริษัท ฯ คือ เลขที่ 29 อาคารบางกอกบิสซิเนสเซ็นเตอร์ ห้องเลขที่ 2201-2 ชั้น 22 ถนนสุขุมวิท 63 (เอกมัย) แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110 แก้ไขเป็น ที่อยู่ใหม่ ของบริษัทฯ คือ เลขที่ 29 อาคารบางกอกบิสซิเนสเซ็นเตอร์ ห้องเลขที่ 2301-3 ชั้น 23 ถนนสุขุมวิท 63 (เอกมัย) แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110 หากมีข้อสงสัย หรือต้องการสอบถามรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง สามารถติดต่อฝ่ายบัญชีและการเงินของบริษัทฯ ได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-853-9131 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.00-18.00 น.

  • เมดคิวรี ผนึกกำลัง "สาติ" ยกระดับระบบบริการทางการแพทย์ด้วย AI ลดภาระงานบุคลากรทางการแพทย์ เพิ่มประสิทธิภาพการเบิกจ่าย

    บริษัท เมดคิวรี จำกัด ผู้นำด้านระบบสารสนเทศโรงพยาบาล จับมือกับ บริษัท สาติ จำกัด สตาร์ทอัพด้านสุขภาพดิจิทัล (Digital Health) พัฒนาโซลูชันปัญญาประดิษฐ์ (AI) ผสานเข้ากับระบบสารสนเทศโรงพยาบาล MEDHIS เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการเบิกจ่าย ลดภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์ และยกระดับคุณภาพบริการทางการแพทย์ให้ดียิ่งขึ้น คุณเอกฤทธิ์ ธรรมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทเมดคิวรีและแบ็คยาร์ด  กล่าวว่า เอไอโซลูชันของทางสาติ ช่วยสร้างมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ MEDHIS โดยโซลูชันนี้สามารถช่วยลดเวลาการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ และยังเพิ่มประสิทธิภาพในการเบิกจ่ายให้กับโรงพยาบาลอีกด้วย การใช้เทคโนโลยีเอไอ ร่วมกับ MEDHIS ยังครอบคลุมตั้งแต่ ประวัติการรักษา การคัดกรองผู้ป่วยเบื้องต้น รายการยา ค่าจากห้องปฏิบัติการ และการแปลงคำวินิจฉัยเป็นรหัส ICDs ให้ตรงตามหลักการบันทึกและรหัสโรค เพิ่มความถูกต้องของข้อมูลเวชระเบียน ทำให้การเบิกจ่ายมีประสิทธิภาพ ลดข้อผิดพลาดในการลงรหัสโรค และลดการปฏิเสธคำร้องขอเบิกจ่ายของทุกสิทธิตามนโยบายที่รัฐบาลกำหนด โดยโซลูชันจากทางสาติยังมีโอกาสที่จะนำไปต่อยอดในการพัฒนาระบบการเบิกจ่ายสำหรับบริษัทประกันให้มีประสิทธิภาพขึ้นได้อีกด้วย “เอไอโซลูชันจากทางสาติช่วยเสริมความสามารถของระบบ MEDHIS ให้มีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้น โดยไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการสรุปข้อมูลทางการแพทย์ แต่ยังช่วยลดภาระงานที่ซ้ำซ้อน ทำให้บุคลากรสามารถมุ่งเน้นไปที่การดูแลผู้ป่วยได้มากขึ้น ซึ่งส่งผลดีทั้งต่อประสิทธิภาพการทำงานของโรงพยาบาลและความพึงพอใจของผู้ป่วย” คุณเอกฤทธิ์ กล่าว นายแพทย์รพีพัฒน์ ศรีจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สาติ จำกัด  กล่าวว่า การมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่างเมดคิวรี ช่วยให้เอไอโซลูชันของสาติถูกนำไปใช้ในโรงพยาบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการพัฒนาระบบ ‘Chart Sum’ ผสานเทคโนโลยีการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) และโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) เข้ากับ Agentic AI ช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์บันทึกข้อมูลได้ครบถ้วนและแม่นยำ ลดภาระงาน ลดข้อผิดพลาด และทำให้กระบวนการเบิกจ่ายถูกต้องและโปร่งใสมากขึ้น ลดโอกาสถูกเรียกเงินคืนจากข้อผิดพลาด พร้อมเพิ่มรายได้จากการเบิกจ่ายได้ถึง 62% “จากการใช้งานจริง พบว่าโซลูชันนี้ช่วยเพิ่มรายได้จากการเบิกจ่ายให้โรงพยาบาลเฉลี่ย 62 ล้านบาทต่อแห่ง เพิ่มความเร็วในการระบุรหัสโรคได้ 71% และลดภาระงานบุคลากรทางการแพทย์ได้กว่า 9,057 ชั่วโมง คิดเป็น 76% ของภาระงานเดิม ความร่วมมือนี้ไม่เพียงช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพขึ้น แต่ยังช่วยให้ข้อมูลทางการแพทย์ถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทั้งโรงพยาบาลและผู้ป่วย”  นายแพทย์รพีพัฒน์ กล่าว ท่านใดที่สนใจปรึกษาระบบ MEDHIS และ MEDHIS Lite สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์จากผู้เชี่ยวชาญของ MEDcury ได้ที่ โทรศัพท์ : 02-853-9131 (ในเวลาทำการ 10:00 - 18:00 น. วันจันทร์ - วันศุกร์) อีเมล : sales@medcury.health หรือกรอกแบบฟอร์มคลิกที่นี่ ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MEDcury จากช่องทางอื่น Facebook : facebook.com/medcury.health/ LinkedIn : linkedin.com/company/medcury YouTube : https://www.youtube.com/@MEDcury

  • เมดคิวรี-แบ็คยาร์ด และคณะพาร์ตเนอร์-ลูกค้า เดินสายมอบของขวัญสวัสดีปีใหม่ 2568

    ช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ประจำปี พ.ศ. 2568 เมดคิวรี-แบ็คยาร์ด เดินสายเข้าไปมอบกระเช้าและของขวัญสวัสดีปีใหม่ แด่คณะพาร์ตเนอร์และลูกค้าที่เป็นพันธมิตรที่ดีมาโดยตลอด ด้วยบรรยากาศการต้อนรับที่อบอุ่นจากพาร์ตเนอร์และลูกค้าทุกท่าน ทั้งนี้ คณะพาร์ตเนอร์และลูกค้ายังเดินทางเข้ามอบของขวัญสวัสดีปีใหม่ 2568 ให้กับทางเมดคิวรี-แบ็คยาร์ด เพื่อกล่าวสวัสดีปีใหม่และแสดงถึงมิตรภาพอันดีและการสนับสนุนกันและกันมาโดยตลอด

  • “แบ็คยาร์ด-เมดคิวรี” มอบกระเช้าสวัสดีปีใหม่ 2568 คณะผู้บริหาร “พริ้นซิเพิล แคปิตอล”

    บริษัท แบ็คยาร์ด จำกัด และบริษัท เมดคิวรี จำกัด มอบกระเช้าสวัสดีปีใหม่ 2568 แด่พาร์ตเนอร์ คณะผู้บริหาร บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด วันที่ 6 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา คณะผู้บริหาร บริษัท แบ็คยาร์ด จำกัดและบริษัท เมดคิวรี จำกัด นำโดยคุณเอกฤทธิ์ ธรรมกุล กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยคุณอานนท์ ศิริพุทธชัยกุล ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายธุรกิจ Healthcare คุณอัมภาพร ล้ำเลิศศฤงคาร ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน คุณพานนท์ สุภิรัตน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานเทคโนโลยี คุณวัชรพันธ์ พิมลเศรษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย และคุณฉันทนัทธ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงาน Healthcare เป็นผู้แทนคณะผู้บริหารฯ นำกระเช้าสวัสดีปีใหม่เข้าพบคณะผู้บริหาร บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ นำโดยนายแพทย์กฤตวิทย์ เลิศอุตสาหกูล กรรมการผู้จัดการบริษัท เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ประจำปี พ.ศ. 2568 บรรยายภาพที่ 1: คณะผู้บริหารแบ็คยาร์ด-เมดคิวรี มอบกระเช้าสวัสดีปีใหม่แด่นายแพทย์กฤตวิทย์ เลิศอุตสาหกูล (ที่ 3 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการบริษัท พริ้นซิเพิล แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) จากนั้นคณะแบ็คยาร์ด-เมดคิวรีฯ ได้เข้าพบคุณธาริน เอี่ยมเพชราพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บริษัท พริ้นซิเพิล แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ตามด้วยคุณพวัสส์ ธนวุฒิศิรวัชร์ กรรมการบริหาร บริษัท พริ้นซิเพิล แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) และนายแพทย์ตะวัน จึงสมาน รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ จำกัด เพื่อมอบกระเช้าสวัสดีปีใหม่ 2568 ในบรรยากาศที่เป็นกันเองและการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากคณะผู้บริหารพริ้นซิเพิล แคปิตอล บรรยายภาพที่ 2: คณะผู้บริหารแบ็คยาร์ด-เมดคิวรี มอบกระเช้าสวัสดีปีใหม่แด่คุณธาริน เอี่ยมเพชราพงศ์ (ที่ 3 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บริษัท พริ้นซิเพิล แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) บรรยายภาพที่ 3: คณะผู้บริหารแบ็คยาร์ด-เมดคิวรี มอบกระเช้าสวัสดีปีใหม่แด่คุณพวัสส์ ธนวุฒิศิรวัชร์ (ที่ 4 จากซ้าย) กรรมการบริหาร บริษัท พริ้นซิเพิล แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) บรรยายภาพที่ 4: คณะผู้บริหารแบ็คยาร์ด-เมดคิวรี มอบกระเช้าสวัสดีปีใหม่แด่นายแพทย์ตะวัน จึงสมาน (ที่ 4 จากซ้าย) รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ จำกัด

  • 4 เหตุผลที่โรงพยาบาลควรอัปเกรดระบบ Hospital Information System (HIS)

    เพราะโรงพยาบาลเป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่มีการเก็บรวบรวมข้อมูลจำนวนมหาศาลเอาไว้ แน่นอนว่าการเก็บข้อมูลแบบ Manual นั้นย่อมก่อให้เกิดความผิดพลาดหรือความซ้ำซ้อน และอาจทำให้การทำงานเป็นไปอย่างล่าช้า ระบบสารสนเทศโรงพยาบาลหรือ Health Information System (HIS) จึงเป็นตัวช่วยสำคัญที่เข้ามาช่วยให้การทำงานภายในโรงพยาบาลเป็นเรื่องง่ายขึ้น แต่ระบบ HIS ที่เลือกใช้เมื่อนานมาแล้วนั้น อาจไม่ตอบโจทย์กับการทำงานในปัจจุบันอีกต่อไปแล้ว MEDcury จะพาไปดูกันว่าทำไมโรงพยาบาลถึงควรพิจารณาอัปเกรดระบบ HIS ใหม่ได้แล้ว 1. เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บข้อมูล ตั้งแต่โรงพยาบาลมีการนำระบบ HIS เข้ามาใช้ ข้อมูลทั้งหมดของโรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลด้านการรักษาพยาบาล และข้อมูลด้านการบริหาร ก็จะถูกจัดเก็บเอาไว้ในระบบแทนการใช้แฟ้มเอกสาร ทำให้ง่ายต่อการค้นหา รวมไปถึงเป็นการเพิ่มความปลอดภัยในการใช้และเข้าถึงข้อมูล ลดอัตราการเสียหายและสูญหายของข้อมูล แต่ทุกวันนี้การให้บริการทางการแพทย์นั้นมีบริการและนวัตกรรมใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย ปัญหาที่ตามมาคือระบบ HIS ที่ใช้งานอยู่ไม่รองรับกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ แม้จะมีวิธีการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุอย่างการทำระบบในการจัดเก็บข้อมูลเสริมขึ้นมา หรือแม้แต่การกลับไปใช้ระบบเอกสารเพื่อเก็บข้อมูล แต่สุดท้ายข้อมูลในส่วนนี้ก็ไม่เชื่อมต่อเป็นระบบเดียวกันอย่างที่ควรจะเป็นอยู่ดี การอัปเกรดระบบ HIS ใหม่จึงเป็นการเพิ่มความสามารถในการเชื่อมต่อข้อมูลจากแผนกต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า ถือเป็นการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนมากกว่านั่นเอง 2. เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของบุคลากรของโรงพยาบาล เมื่อข้อมูลทุกอย่างถูกจัดเก็บบนระบบเดียวกัน (Single Source of Truth) แล้ว บุคลากรจึงไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลามากมายไปกับการค้นหาข้อมูลจากเอกสาร หรือแหล่งอื่น ๆ แบบ Manual อีกต่อไป ทำให้สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว และมีเวลาใส่ใจงานอื่น ๆ ที่มีคุณค่ามากขึ้น นอกจากนี้ด้วยระบบเครือข่ายที่เชื่อมโยงกัน เจ้าหน้าที่ในแต่ละแผนกของโรงพยาบาลจึงมองเห็นภาพรวมหรือมีทิศทางการทำงานที่ตรงกัน สามารถสื่อสารและประสานงานกันได้เป็นอย่างดี นำไปสู่ระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพ 3. เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงานโรงพยาบาล เพราะข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารทั้งหมด เช่น ข้อมูลด้านบุคลากร จำนวนผู้มาใช้บริการ รายรับ-รายจ่าย คลังยา คลังวัสดุอุปกรณ์ ข้อมูลเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เป็นต้น จะถูกสรุปออกมาจากฐานข้อมูลชุดเดียวกัน ซึ่งเป็นข้อมูลล่าสุดแหล่งเดียวที่ถูกบันทึกไว้ จึงไม่สร้างความสับสนแก่คนในองค์กร และผู้บริหารสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปประกอบในการตัดสินใจวางแผนกลยุทธ์ การดำเนินงานต่าง ๆ และจัดเตรียมทรัพยากรให้เหมาะสมกับสถานการณ์ได้ 4. เพิ่มคุณภาพการบริการให้แก่ผู้ที่มาใช้บริการ เมื่อโรงพยาบาลมีการบริหารจัดการที่เป็นระบบ ผู้บริหารได้วางกลยุทธ์เป็นอย่างดี เจ้าหน้าที่แต่ละแผนกสามารถประสานงานกันได้อย่างไร้รอยต่อ สิ่งเหล่านี้ล้วนนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่สำคัญนั่นก็คือคุณภาพการบริการที่ดีให้แก่ผู้ป่วย โดยผู้ป่วยจะได้รับทั้งความสะดวกสบายและการรักษาที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้น และนี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมโรงพยาบาลถึงควรหันกลับมาพิจารณาว่าระบบ HIS ที่ใช้อยู่นั้นตอบสนองกับรูปแบบการให้บริการใหม่ ๆ ในปัจจุบัน และความต้องการของผู้รับบริการที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่กำลังเข้ามาแล้วหรือยัง MEDcury ผู้พัฒนาระบบ MEDHIS ที่ MEDcury เราได้พัฒนา MEDHIS ระบบสารสนเทศโรงพยาบาลที่สามารถติดตั้งได้ทั้งแบบ On-Cloud และ On-Premise เพื่อรองรับความยืดหยุ่นและการทำงานผ่านออนไลน์ในยุคดิจิทัล รวมถึงรองรับการเชื่อมต่อข้อมูลจากต่างสาขา และการเชื่อมต่อข้อมูลเข้ากับระบบหรือฐานข้อมูลอื่น ๆ ทั้งจากหน่วยงานรัฐและเอกชน สนใจนำระบบ MEDHIS เข้ามาใช้ในองค์กรของคุณ? สำหรับใครที่อยากพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านสุขภาพ สามารถพูดคุยกับพวกเรา MEDcury ได้ที่ โทรศัพท์ : 02-853-9131 (ในเวลาทำการ 10:00 - 18:00 น. วันจันทร์ - วันศุกร์) อีเมล : sales@medcury.health  หรือกรอกแบบฟอร์ม คลิกที่นี่ ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MEDcury จากช่องทางอื่น Facebook : facebook.com/medcury.health/ LinkedIn : linkedin.com/company/medcury YouTube : https://www.youtube.com/@MEDcury

  • หลักการ 3E : การเริ่มใช้ AI ของโรงพยาบาลในยุคดิจิทัล

    วันนี้ MEDcury เลยจะพาคุณไปดูว่าถ้าต้องการนำ AI เข้ามาใช้ในสถานพยาบาลด้วยหลักการ 3E จะต้องทำอย่างไรบ้างในบทความนี้ ตามมาดูกันเลย! Stage 1 : Explore คุณจะต้องสำรวจตัวเองก่อนว่าคุณต้องการอะไร อะไรที่คุณต้องการพัฒนาให้ดีขึ้น หรือ MEDcury มีวิธีที่ง่ายกว่านั้นคือการสำรวจคู่แข่งและ Benchmarking ด้วยการถามและตอบ 4 คำถาม ดังนี้ (1) คุณกำลังยืนอยู่ ณ จุดไหนของวงการดูแลสุขภาพ? (2) องค์กรใดที่เชี่ยวชาญเรื่องการใช้เทคโนโลยี AI ในการดูแลสุขภาพหรือการทำงานมากที่สุด? (3) องค์กรนั้นทำอย่างไร? (4) เราจะทำให้ดีกว่าเขาได้อย่างไร? หากคุณตอบคำถามเหล่านี้ได้ นั่นแสดงถึงนิมิตหมายอันดีสำหรับการนำ AI เข้ามาใช้ในสถานพยาบาล แต่นั่นยังไม่พอหรอกนะ คุณต้องไม่ลืมที่จะทำความรู้จักและเข้าใจเทคโนโลยี AI เพิ่มขึ้นด้วยการค้นหาข้อมูลผ่านแหล่งข้อมูลต่าง ๆ และหารือกับหุ้นส่วนทางธุรกิจในวัตถุประสงค์เชิงธุรกิจด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การเงิน การจัดการ และการตลาด เป็นต้น แล้วเริ่มต้นโปรเจ็ค AI ด้วยการพูดคุยปรึกษากับคู่ค้า (Vendor) ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI โดยเฉพาะ เพื่อสอบถามถึงความเป็นไปได้ และดำเนินการพัฒนา AI นั้น Stage 2 : Expose เมื่อ AI ที่พัฒนาเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ลองนำ AI นั้นมาให้บุคลากรในแผนกที่เกี่ยวข้องได้ลองใช้ก่อน ที่สำคัญคืออย่าลืมที่จะถามความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้ใช้งานจริงนี้ด้วย เพราะสิ่งนี้มีผลต่อการปรับปรุงและพัฒนา AI ให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ในขั้นนี้นอกจากองค์กรจะได้รู้ถึงประสิทธิภาพในการทำงานของ AI แล้ว ยังเป็นโอกาสที่บุคลากรในองค์กรจะได้เรียนรู้ เข้าใจ และปรับตัวให้เข้ากับ AI ได้ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย Stage 3 : Experience & Scale Up หาก AI ตัวต้นแบบสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามเป้าหมายที่ตั้งไว้แล้ว คุณก็สามารถขยายผลนำ AI นี้ไปใช้ในแผนกอื่น ๆ ต่อได้ นอกจากนี้บุคลากรที่ได้ทำงานร่วมกับ AI มาก่อนแล้วนั้นถือเป็นบุคคลสำคัญขององค์กรที่จะช่วยบอกต่อ Best Practice ในการทำงานร่วมกับ AI ให้กับคนอื่น ๆ ซึ่งถือเป็นประโยชน์ต่อการนำ AI ไปใช้จริงทั่วทั้งองค์กรอีกด้วย สำหรับใครที่อยากพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านสุขภาพ สามารถพูดคุยกับพวกเรา MEDcury ได้ที่ โทรศัพท์ : 02-853-9131 (ในเวลาทำการ 10:00 - 18:00 น. วันจันทร์ - วันศุกร์) อีเมล : sales@medcury.health  หรือกรอกแบบฟอร์ม คลิกที่นี่ ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MEDcury จากช่องทางอื่น Facebook : facebook.com/medcury.health/ LinkedIn : linkedin.com/company/medcury YouTube : https://www.youtube.com/@MEDcury

bottom of page